วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

๏ ละติจูดที่ห้ากว่าๆเหนืออาคเนย์ ๚ะ๛

...
๏ ฉันคือพระราชา ..
อาณาจักรแห่งปรารถนาเมืองฟ้าใหม่
ผืนแผ่นดินทุกกระบิศิวิไลซ์
ความอบอุ่นแผ่ไกลปรากฏการณ์

๏ ".. ตื่นขึ้นเถิดทุกชั้นชน ..."
โลกอย่าได้สับสนรอยยิ้มหวาน
เมล็ดพันธุ์งามงอกดอกไม้บาน
สวยงามทุกสายธารการตอบรับ

๏ "..สวัสดีประชาชนที่รัก .."
มือแห่งธรรมโบกทักโค้งคำนับ
ท่ามกลางเสียงมโหรีบรรเลงขับ
ไฟกระพริบระดะระดับระยับระยะ

๏ นิ่งเสียเถิดความช้ำรอยชำแรก
โลกมิได้ปลอมแปลกกักขฬะ
ขอทุกใจจำตระหนักสักการะ
เส้นทางแห่งสันถวไมตรี

๏ เมืองเปราะบางเกินไปในความเศร้า
ความรู้สึกแผ่วเบาบาทวิถี
ทบสะท้อนบรรจุใจธุลี
ล้วนย้อนย่ำประเพณีอันสามัญ

๏ "..สวัสดีประชาชนที่รัก .."
มโหรีเพลงรักจักกล่อมขวัญ
ขับเห่แสงจันทร์ฉายสายตะวัน
หลังจากการปลุกปั่นผู้ปิดฟ้า

๏ ณ กระแสหลายหลากและกรากเชี่ยว
รักฤๅตามเก็บเกี่ยวคำครหา
เมืองมิได้หวาดหวั่นภูมิปัญญา
กระแสแห่งโลกาภิวัตน์เร้า

๏ ฉันคือพระราชา ...
โลกอย่าได้หวาดผวาพวกในเทือกเถา
จงตระหนกในแตกต่างเมื่อสร่างเมา
เมืองนี้เป็นของเรามาร้อยยุค

๏ ฉันคือพระราชา ....
ผู้โอ่อ่าอัตตาสันติสุข
กรอบกำหนดกฎเกณฑ์กดเดนคุก
หากรักร่ำร้องทุกข์ต้องถูกริบ

๏ ฉันคือพระราชา .....
ลุกขึ้นเถิด ! ลุกขึ้นมา ! อย่าเงียบกริบ
สุขกลางแสงศิวิไลซ์ไฟกระพริบ
หยุดส่งเสียงซุบซิบบัดเดี๋ยวนี้ ! ๚ะ๛

วฒน 19 ม.ค.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic.php?id=772162

ความศรัทธากับจิตใจของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่ละคนจะคิดต่างกันอย่างไรไม่ควรที่จะมีคำตอบถูก-ผิดในยุคที่ความเสมอภาคเบ่งบาน ศรัทธาต้องถูกตีความอย่างมีข้อเท็จจริงประกอบอย่ามาขี้ตู่ลักไก่คลุมถุงเชื่อกันแบบนี้เมื่อฝ่ายหนึ่งเอาตัวเองเป็นที่ตั้งได้ทำไมอีกฝ่ายหนึ่งจะทำไม่ได้ เอาอะไรมากำหนดกฎเกณฑ์ประวัติศาสตร์ใช่ว่าจะเขียนได้คนเดียว …การดำรงอยู่ของบางสถานะ เป็นสิ่งหลงทางที่ตามหลอกหลอนปัจจุบันมาตั้งแต่อดีต สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องปรับตัวถึงจะอยู่บนโลกได้ยุคสมัยแปลกปลอมถ้าอ่อนแอก็ตายไป ไปทำประโยชน์ด้านอื่นหรือทำตัวให้เป็นโทษน้อยที่สุดเพราะโลกพัฒนามาด้วยความคิด ไม่ใช่ด้วยความเชื่อคิดอย่างสมเหตุสมผลจะประหยัดน้ำกันไปทำไม ถ้าอ่างล้างมือสร้างจากทองคำสวัสดีทุกท่านครับ ...

****
๏ ตื่นขึ้นเถิดศาสดา
โลกแห่งมนต์มายาฉุดคร่าหวัง
เลิกกำหนดโฉลกโลกชิงชัง
ทุกข์จะเกาะเกรอะกรังจนท่วมท้น

๏ หากท่านคือพระราชา ...
จงเดินบันไดจากฟากฟ้ามาสู่ถนน
สัมผัสความหวาดหวั่นของชั้นชน
ขณะเมืองผู้คนเขาทุกข์ร้อน

๏ หากท่านคือพระราชา ...
รับรู้ความปรารถนาแต่เก่าก่อน
จงกอบเอาความสิ้นหวังไร้รังรอน
มอบสู่ฝันนิรันดร,พลเมือง ๚ะ

****
๏ จะปลอบกี่ปรารถนาว่าอย่าเศร้า
วันที่โลกรุมเร้าจนหวั่นไหว
ความรู้สึกเปราะบางช่างกระไร
มิยอมหยุดเย้าไกวหัวใจนี้

๏ นิ่งเสียเถิดความช้ำรอยชำแรก
รักหล่นแตกเกลื่อนกลาดบาทวิถี
เขาผู้มาปลอบขวัญสันถวไมตรี
หยิบยื่นความปรารถนาดีหลังตรอมตรม

๏ "..สวัสดีพระราชาที่รัก .."
จากซอกหลืบถึงตำหนักที่หมักหมม
เรามิอาจเต็มตื่นในชื่นชม
เพราะแผ่นดินกำลังจมถมธุลี ๚ะ

ไม่มีความคิดเห็น: