วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ ฎีกา ๚ะ๛

...
๏ หนึ่งเสียงของประชาชน
รวมกับหลายล้านคนที่ทุกข์ร้อน
ลายมือหยาบหยาบจากราษฎร
แทนถ้อยคำละเอียดอ่อนวอนเมตตา


๏ แทนความซื่อตรงในจงรัก
ทุกหน้ากระดาษนี้จักเปี่ยมปรารถนา
เบื้องหน้าความไหวหวั่นคำสัญญา
บทเรียนคงคุ้มค่าประชาคม


๏ เมื่อเมืองยังคลุ้มคลั่งสังสารวัฏ
ภัยความวิบัติถูกเพาะบ่ม
เขาอาศัยความได้เปรียบเหยียบให้จม
ทุกข์ทุกทุกข์ระทมคราบน้ำตา


๏ หนึ่งเสียงของประชาชน
รวมหลายล้านคนล้านปรารถนา
ระหว่างโลกอารยะพระเมตตา
ร่วมอยู่ในฎีกาประชาชน


๏ แทนความมั่นคงในจงรัก
ทุกอักษรแสนหนักในสับสน
เสียงจากดินถึงฟ้าข้าฯทุกข์ทน
อยุติธรรมย่ำอยู่บนแผ่นดินทอง ๚ะ๛

*******

" การอภัยโทษไม่ใช่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
จากที่ศาลได้พิพากษาว่ากระทำผิด เป็นว่าไม่ได้กระทำความผิด
เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจสับสนที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ได้"

วฒน.
31 กค 52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=823273

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ ความทรงจำที่ล่วงลับ ๚ะ๛

...
๏ คืนแห่งความคับแค้นแน่นขนัด
โลกโลกานุวัตร,รัฐประหาร
ด้วยเลือกข้างจมปลักกับดักดาน
วิ่งไล่ตามจินตาการกันไม่ทัน



๏ ผู้อยู่บนบัลลังก์ขาดยั้งคิด
เมืองมันเลยวิปริตพลาดผิดผัน
หวังในรักล้อมรักและกักกัน
จนทะลักล้นนั้นวันเวลา



๏ สัตย์แห่งความซื่อตรงจงรำลึก
ปราชญ์ผู้มิได้ตกผลึกปรารถนา
กลับเหยียบย่ำย้ำย้ำคราบน้ำตา
หวังครอบครองได้มามหานคร



๏ คืนแห่งความคับแค้นคับแน่นอก
ทุกถ้อยคำโกหกที่เห่าหอน
เพียงปกคลุมฟากฟ้าฐานันดร
ใช่สัมผัสทุกร้อนอันเที่ยงแท้



๏ ภาพมายาที่ฉายโชนอยู่โพ้นรุ้ง
เคลือบแคลงคราบจริตปรุงแต่งกระแส
ความทรงจำไหลเวียนไหลเปลี่ยนแปร
ข้อเท็จจึงพ่ายแพ้ข้อเท็จจริง



๏ สัตย์แห่งความซื่อตรงและจงรัก
ทุกมโนสำลักแทบทุกสิ่ง
เจ็บในใจปลาบแปลบการแอบอิง
ชัยชนะที่ช่วงชิงถูกทักท้วง



๏ อุณหภูมิพร่างพรมอารมณ์ร้อน
ยุคสมัยมหานครจะทิ้งช่วง
ทุกภาพฉายช้ำชอกผู้หลอกลวง
ทรงจำจักลับล่วงจากปวงชน ๚ะ๛



________________________




๏ หากสัตย์แห่งความจริงใจไม่สำส่อน
นครแห่งมหานครไม่ปี้ป่น
เพราะหัวใจวิปริตผิดผู้คน
วาระแห่งประชาชนจึงชิงชัง ...


สวัสดีครับ

วฒน
27 ก.ค.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=822174


ขณะที่โลกซีกใหญ่กำลังตื่นตระหนกไปกับบิ๊กเซอร์ไพรส
และการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีที่จะเชื่อมโลกทั้งใบเข้าหากัน

โลกซีกเล็กๆในอุ้งมือสยาม กลับตื่นไปกับบิ้กสะใภ้
ที่นับวันจะอ่วมจินตนาการเข้าไปทุกขณะ


********************

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ เจ้าเข้า ๚ะ๛

...

๏ ทั้งออกงิ้วออกโขนทั้งออกแขก
ความรู้สึกผิดแผกพาลสาดเสีย
มหานครความคลั่งใคล้ต้องให้เคลียร์
เหล่าหน้าม้ากองเชียร์เอาให้ชัด


๏ หาชนิดหลังพิงฝาพร้อมหน้าด้าน
แบกรับความดักดานไม่จำกัด
อย่าได้อวดอุตริใดวิวัฒน์
อยู่มันแบบเอกรัฐ,เอกเลอะ


๏ เสริมทฤษฎีต่อยอดปอดกระเส่า
สืบสานความก่อนเก่าและเก็บเกรอะ
ย้อมจารีตยกร่างกันอย่างเยอะ
โหยหากันเถิดเฮอะ!เมืองแห่งนี้


๏ ใครจะเขียนฎีกาหาความชอบ
เข้าขวางลำกลัวคำตอบ-ตอบผิดที่
เหมาว่าตนรู้ทั่วทั้งชั่วดี
ชี้หน้าคนอื่นว่าย่ำยีอารยะ


๏ อารยะกันทั้งเมืองเปลืองข้าวเจ้า
จนประชาจมเต้าแห่งตรรกะ
ท่านตัดเค้กความโอชาเท่าราคะ
พากันถือวิสาสะว่าสุดสอย


๏ ปลายทางแห่งความเสื่อมใกล้สิ้นสุด
บัวบาปเริ่มโผล่ผุดกันพล่อยพล่อย
ปรากฎการณ์นายว่าขี้ข้าพลอย
เวียนย้ำย่ำรอยอดีตกาล


๏ ออกกฎเกณฑ์ถามหาสถานภาพ
ให้รับรู้รับทราบซึ้งและซ่าน
แยกแยะนครสวรรค์-นครจัณฑาล
ก่อกำแพงความดักดานกักกั้นไว้


๏ หลังกำแพงความดักดาน,สถานภาพ
จงสุขในกำซาบที่สาปใส่
จ่อมจมในปรารถนาอย่างสาใจ
ไม่มีฟ้าเก่า-ใหม่ให้ปลุกเร้า


๏ รีบดื่มด่ำเถิดอารยะโดยสะเด็ด
เมืองไม่มีใบเสร็จความโศกเศร้า
ใครแหกกฏการรับรู้หูหนัก-เบา
เฆี่ยนให้เต้นเป็นเจ้าเข้า,เท่าเท่ากัน ๚ะ๛



_____________



สวัสดีครับ
วฒน.
22 กค 52

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=820041

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ การกำเนิดแห่งกฎการทดแทน ๚ะ๛

...
๏ กี่ระลอกหมอกน้ำค้าง
ฤดูกาลพร่างพรายพรมปลายหญ้า
หลังค่ำคืนหวาดหวั่นวันเวลา
ล่วงแดนแผ่นฟ้าถักแสงทอ


๏ ฟังสิฟัง..ท่วงทำนองของยามเช้า
แดดฉาบทาบเงาการเกิดก่อ
รอยรักรอรุมเร้าล้วนเฝ้ารอ
บทเพลง,การร้องขอผู้วาบไหว


๏ จะอีกกี่คลื่นคลั่งแสงฝั่งฟ้า
ชำแรกผ่านกาลเวลามาตกใต้
โศกเกาะกุมกินทั่วแล้วหัวใจ
ฤๅไม่สาอะไรในรอยร้าว


๏ กี่ระลอกหมอกน้ำตา
รักลบรอยปรารถนาอันเหน็บหนาว
ฤดีกาลขมขื่นนั้นยืนยาว
ลมกระหน่ำกรูกราวทั้งใกล้ไกล


๏ แหละทั้งแดดทั้งลมล้วนพรมพร่าง
ย้ำยังยอดน้ำค้างอยู่ไหวไหว
ยึดปลายหญ้าองคาพยพซ่อนหลบภัย
กับลมโศกระลอกใหม่ที่หมายซ้ำ


๏ กี่ระลอกหมอกน้ำตา
จะเกาะเกี่ยวปรารถนาย้ำเหยียบย่ำ
ยิ่งยามเช้างามงดน่าจดจำ
นั้นราตรีต้องเจ็บช้ำ--ยอมจำนน ฯ



_____________



สวัสดีครับ

วฒน
20 กค. 52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=819643

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ ความเดิมตอนที่เริ่มใหม่ ๚ะ๛

...
๏ เกินกฎแห่งตรรกะแล้วสหาย
เมืองนี้มันวุ่นวายน่าเวียนหัว
โลกใบนี้โลดเต้นและเล่นตัว
คนรักดีหามจั่วอยู่ทั่วแคว้น


๏ แบกจริยธรรมนำหน้าใส่บ่าหาม
หลงจนเหลิงลุกลามสมองแล่น
พวกพ้องกันอุปโลกน์ว่าโลกแบน
ก็ขานรับกันทั้งแลนด์ออฟสมาย


๏ เขาข้ามเส้นวู่วามตามกันเต้น
วิ่งชี้ตาย-ชี้เป็นจนเปรอะป้าย
ถูกผิดกันพล่อยพล่อยเดินลอยชาย
จูงลูกช้างพ่อพลายไปตายตาม


๏ เพียงแตกต่างทางความคิดว่าผิดเพี้ยน
มหานครมันเฮี้ยนเกินหักห้าม
ลิ้นหัวใจใครรั่วชั่วครู่ยาม
ยอมรักชั่วแบกหามทั้งสี่เสา


๏ เมื่อมนุษย์จุดยืนพื้นมันยวบ
ถูกจริตกินรวบทั้งโคตรเหง้า
อุเบกค่ะ อุเบกขา ไล่คว้าเงา
แท้แล้วไล่งับเอาขาเราเอง


๏ แค่แสวงจุดร่วมก็อ่วมรัก
ติดบ่วงติดกับดักกับความเก่ง
อารยะ-อารยะช่วยกะเตง
มโหรีบรรเลง,เล่นเพลงเดิม ๚ะ๛



________________




สวัสดีครับ

วฒน
17 ก.ค.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=818905

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ ผู้ก่อการดี ๚ะ๛

...


๏ บรรทัดฐานกฎหมายถูกเมินหน้า
ถ่วงวิกฤตศรัทธาที่เที่ยงแท้
มหานครปาหื่,คนขี้แย
เสรีภาพถูกลอยแพเป็นล้นพ้น


๏ ร้องเถอะร่ำน้ำตาให้สาสม
ทุกข์เถอะทุกข์ระทมทุกหมองหม่น
โศกเถอะโศกกับเศร้าเท่าที่ทน
ทั้งเบื้องล่าง-เบื้องบนบรรณาการ


๏ เมื่อวันนี้มาตรฐานของศาลเตี้ย
มันสูงซะจนเสียมหาศาล
ถูกขีดเส้นวิบัติวิวัฒนาการ
ยกระดับความสามานย์ขั้นโสมม


๏ เมืองไม่มีเสียงแว่วใดแผ่วผ่าน
ไม่มีสุขแผ้วพานเพียงขื่นขม
ยังยิ้มกันหน้าระรื่นร่วมชื่นชม
ประเทศชาติถูกทับถมทุกสมญา


๏ ก่อนก้าวสู่เหลวแหลกที่แปลกล้อม
อำนาจอันสุกงอมปรารถนา
กลุ่มคนไม่บัดสีประดีประดา
ทำตัวใหญ่คับฟ้า,บารมี


๏ ถอนหายใจอีกเฮือกกับเปลือกเปล่า
มหานครนอนหง่าวโจรปล้นจี้
มัวเงื้อง่าราคางามกับสามจี
เขาสามหาวไม่มีดี,เดรัจฉาน


๏ บรรทัดฐานกฎหมายถูกหมายกด
รับสนองความหัวหดโดยห้าวหาญ
เสรีภาพสยองขวัญกับสันดาน
ประชาธิปไตยแตกพานเพื่อพวกพ้อง ฯ



_______________________



ถึงวันนี้จริยธรรมได้ดีดตัวถึงขีดสุด มาตรฐานต่างๆที่กลุ่มพันธมิตรได้วางไว้ให้ผู้อื่น
กลับถูกทำลายลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มหานครแห่งนี้มันเดียงสาถึงขนาดที่ไม่รับรู้รับฟังอะไรกันเลยก็ให้มันรู้ไป
กับความละเลย และปฏิเสธความเท่าเทียมกันในสังคมของคนกลุ่มนี้
นี่ไม่ใช่หนังตัวอย่างที่โหมโฆษณา ...

แต่เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำจริง สถานที่จริง และไม่ใช้ตัวแสดงแทน
นี่คือความกล้าหาญของแกนนำพันธมิตรทุกคนที่หาไม่ได้จากแล้วจากสามัญชนคนใดในประเทศนี้
นี่ก็ประกาศถ้าไม่เปลี่ยนแปลงหมายเรียก ....
จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เอากับมหาของผมสิครับ
ตั้งแต่สมัยที่ยึดทำเนียบ แล้วเดินหัวเกรียนๆไม่รู้ไม่ชี้ออกมาเลือกตั้งทีนึงแล้ว

นี่คงเป็นประเทศเดียวในโลกที่ผู้ต้องหาขอเปลี่ยนข้อกล่าวหา และบทลงโทษ
เป็นการเรียกร้องที่อยู่เหนือสิทธิ์ทางกฎหมาย
ภายใต้ แบรนด์เนม ผู้ก่อการดี

เป็นความดีที่ดัดจริตได้เหมือนจริงเสียเหลือเกิน
สวัสดีครับ


วฒน
16 กค 52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=818453

๏ หลังโรงหนังฉายตอนท้ายเรื่อง ๚ะ๛

...

๏ ถามเพื่อนผู้ผ่านทุกข์ยุคสมัย
ขณะลิ้นหัวใจรั่วเตลิดอย่างเปิดเผย
วันนี้อารยะถูกละเลย
กลิ่นของความคุ้นเคยคาวคละคลุ้ง ?


๏ สิ้นบทเพลงแตกต่างไม่แตกแยก
เสียงสดุดีดังแทรกจนสะดุ้ง
ช่างฉาบฉานโชนแสงช่างแต่งปรุง
รีบลุกยืนหลังตุงทำความเคารพ


๏ กำตั๋วหนังซาบซึ้งซึ่งทรรศนะ
ทุกอ้ายอีอัจฉริยะจงยอมสยบ
หน้าประวัติศาสตร์ตกหล่นเราค้นพบ
วิทยาศาสตร์มาประจบประจุรัก


๏ แหละขวานทองของโลกอย่าโศกเศร้า
อย่าว่าเรา-ว่าเจ้าไม่รู้จัก
สุวรรณภูมิว้างเวิ้งเพิงพำนัก
เชิญทุกท่านพิงพักทุกชีวิต


๏ ซีนนี้ความเสียสละมันจะแจ้ง
ไม่ว่าเหลืองว่าแดงอย่าตะขิด -
ตะขวงเขาเป่าหูไม่รู้ทิศ
มหานครแซยิดต้องชิดซ้าย


๏ เพราะนี่คือแอ่งอารยะมหภาค
เชิญดื่มด่ำสำรากความหลากหลาย
บูชาอย่าหวาดระแวงให้แพร่งพราย
รักเราจงเมามายไร้ข้อแม้


๏ ก่อนเข้าถึงหนังฉายตอนท้ายเรื่อง
รักฟุ่มเฟือยสิ้นเปลืองกระเตื้องกระแส
เพื่อชาติอย่าคลื่นเหืยนอย่าเปลี่ยนแปร
ช่างมันฉันไม่แคร์,คำครหา


๏ เถอะเพื่อนผู่ผ่านทุกข์ยุคสมัย
ก่อนหนังฉายเรื่องต่อไปโปรแกรมหน้า
จงซาบซึ้งอย่าได้ซักพวกผักปลา
เตรียมตัวยืนจังก้า,เร็วๆนี้ ฯ


_____________



ไม่ยืนเป็นอาชญากร คิดต่างเป็นอาชญกรรม
ความอารยะราคา ๑๒๐ บาทปรับเอนนอนไม่ได้ ๒๔๐ บาท ปรับนอนได้ แถมผ้าห่ม

ทุกตัวอักษรอุทิศแด่...
ข้าวโพดคั่วและขนบขบเคี้ยวจากที่อื่นที่ถูกห้ามเอาเข้าไปในโรงภาพยนตร์

สวัสดีครับ

วฒน
16 กค 52

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ อาเพศ ๚ะ๛

..


๏ สมรรถนะความเสื่อมซ้ำเหลื่อมซ้อน
เหตุ-ผลอันละเอียดอ่อน,หยาบกระด้าง
ประเทศอันอ่อนไหวยิ่งไร้ยาง
ตื่นกับความแตกต่างเข้าใกล้ตัว



๏ เจ้าหัวใจอย่ากำเริบและเสิบสาน
รีบก้มหัวกับมาตรการรู้ดีชั่ว
ระหว่างดินกับฟ้า,กล้ากับกลัว
จงร่ำไห้กันให้ทั่วหัวระแหง



๏ เพียงแผ่นดินเป็นธรรมอย่างล้ำหน้า
ยุคสมัยวิวัฒนาข้ามเส้นแบ่ง
มหานครสำส่อนนอนตะแคง
ฎ.ชฎาตีแปลงปรากฏกาย


๏ เพราะรากฐานแห่งอำนาจผู้หวาดหวั่น
จึงได้กีดกันจนก้าวก่าย
จ่อมจมในจงรักจักแพร่งพราย
จึงออกหน้าไม่อายอันอวบอั๋น



๏ จากเบื้องหลังสู่เบื้องหน้ามหาสมัย
กล่าวโทษความจัญไรใครปลุกปั่น
มองไม่เห็นความโฉดเขาโจษจัน
ระยะนรก-สวรรค์กระชั้นชิด



๏ เส้นชนชั้นเว้นช่องว่างถูกถ่างออก
เมืองก็ยิ่งช้ำชอกความถูก-ผิด
โลกฤๅยิ่งโศกสลดทศพิธ ...
จงรีบสละชีวิตรักษาอวัยวะ !

.........

วฒน
14 ก.ค.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=817528


วันนี้ไม่รู้ว่าอาเพศต่างๆที่เกิดซ้ำซ้อนในบ้านเราเกิดชึ้นได้อย่างไร
ผมตะแคงหัวคิดเป็นวิทยาศาสตร์ทุกด้านแล้วมันก็ออกมาได้มุมเดียว เป็นมุมที่ถ่วงความเจริญมาช้านาน
ระบบอุปถัมป์ค้ำชูวิวัฒนาการไปในทางที่ผิด ต่อยอดกันมายาวนานภายใต้คำว่าจริยธรรม
นี่คือการตอบโจทย์ที่เหลวแหลกแห่งยุคสมัยไอโฟน ...


อัจฉริยะกันเป็นหย่อมๆ ปล่อยให้สิทธิบัตรแปลกปลอมต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
มากมายพอๆกับที่บางตระกูลแข่งกันเป็นเอกในแขนงต่างๆอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
ยังแอบคิดไปว่าใจคอจะไม่ว่างโง่กันสักคนหรืออย่างไร ?


ก็ในเมื่อมหานครเราขวักไขว่ไปด้วยอัจฉริยบุคคล ทำไมมันถึงเดินย่ำเงานานาประเทศอยู่อย่างนี้
ทำไมคนโกงถึงเต็มเมือง ขณะที่คนดีที่ผ่านมานั่งงอมืองอเท้ากันอยู่ซอกหลืบไหน


เหตุผลต่างๆที่ยกอ้างกันเพื่อกีดกันคนเก่ง คนทำงาน ไม่ใช่การทำงานล้มเหลว แต่เป็นการคิดล้มล้าง
เหตุผลที่อารยประเทศพากันส่ายหัวกับการรัฐประหาร การก้าวข้ามอำนาจรัฐเข้าสู่กระบวนการปกครอง
เหตุผลที่อารยประเทศหาวิธีพิสูจน์เพื่อทราบถึงข้อเท็จจริง
กลับเป็นเหตุผลที่บางประเทศแถบตะวันตกเฉียงใต้เรียกมันว่ากรรม ...


................

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ ก้าวร่วง ๚ะ๛

...

๏ กี่สมมุติฐานการก้าวล่วง
เมืองได้รับผลพวงผู้หมักหมม
แอบอิงปรารถนา,ค่านิยม
พอเผลอก็เสพอาจมสมบูรณา ฯ



๏ เขาเขียนวงจารีตขีดจำกัด
ใช้ความใคร่บำบัดใส่ความบ้า
อ้างความเหนืออันแตกต่าง,อ้างอาญา
เหยียบขี่หัวขี้ข้าให้คลุกดิน



๏ วันวานยังปลุกปั่นยันวันนี้
นครเถลิงความบัดสีไม่มีสิ้น
จากเชื้อไปสู่เชื้อเอื้อกันกิน
เสียงซุบซิบไม่ยลยินโลกหยามหยัน



๏ นิ่งเถอะความสามัญ,เขาสั่นหน้า
บอดใบ้ในเย็นชาสมานฉันท์
เสียงซุบซิบหลังจารีตถูกกีดกัน
ไม่มีใครปลอบขวัญอันสั่นเทา



๏ วันนี้ลมอาคเนย์ขับเห่กล่อม
จงรับความละมุนละม่อม,เชื่อฟังเขา
โดยบาปบุญคุณโทษ—โปรดอย่าเดา
เขาสั่งขังความเศร้าเท่าทุกคน ๚ะ๛




ภาคพระหนวก


๏ โดยบาปบุญคุณโทษที่โปรดสัตว์
สืบสายพันธุ์จากกำหนัดอันสับสน
ข้ามพงศ์ข้ามวงศ์ว่านสามานย์ชน
ประสมไปเปปนบนสวรรค์


๏ แหละโลกแปดสาแหรกเริ่มแตกร้าว
เพราะฝ่าก้าวแล้วจะร่วงจากห้วงฝัน
ก็เมื่อความบัดสีถูกรีรัน
จงฟอร์เวิร์ดอย่างสมานฉันท์เถอะสามัญชน





_________________



ผมถามความเงียบว่ายังจำเสียงอึกทึกครั้งนั้นได้อยู่หรือเปล่า
ความเงียบไม่ได้ตอบผม ....

..ผมก็ได้แต่เงียบ

วฒน
11 ก.ค. 2552
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic.php?id=816490

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ ท้องสนามหลวง ๚ะ๛

...


๏ กลางพื้นที่ทับซ้อนอันอ่อนไหว
มหานครเป็นไทยถูกทับถม
ข้างบนเขาเคืองขุ่นทุนนิยม
ที่ทำให้คนไม่บรมบำรุงเมือง


๏ พึ่งพาดผ่านความเศร้าของเจ้าทุกข์
ริฉลองความสุข,เลี้ยงไม่เชื่อง !
พอเพียงถูกติฉินว่าสิ้นเปลือง
ความชอกช้ำชำเลืองอยู่ลิบลิบ


๏ แผ่นดินนี้มีเจ้าของสองฝั่งฟ้า
อัตภาพแค่ปากว่า-ตาขยิบ
ศูนย์รวมความวุ่นวายทั้งหลายชิบ-
หายไปเสียงซุบซิบหลังแซ่ซ้อง


๏ กลางพื้นที่ทับซ้อนอันอ่อนด้อย
เมืองถูกเขาเลี้ยงต้อยความถูกต้อง
ท้องทุ่งความสับปลับโดนจับจอง
ถึงเมรุความปรองดอง,เถ้าธุลี


๏ แหละนครความสับเพร่าเข้าหลักแปด-
สาแหรกมันเลยแผดสู่เมืองผี
อย่าริถามหาความหมายทุกอ้าย-อี
สนามหลวงมิได้มีให้ไพร่พร้อง


๏ เมื่อเมืองมันดัดจารีตถึงขีดสุด
มหานครเมืองมนุษย์สังขารล่อง
อย่าแอบอ้างสามัญชนทำขนพอง
เขาเอาไว้ก่ายกองญาติโก ฯ

_____________________

วฒน 6 ก.ค.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=815167


ผมไม่เห็นว่าการจัดงานวันคล้ายวันเกิดที่ท้องสนามหลวงจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตสักนิด
คนที่ออกมาคัดค้านโดยดัดจริตนี่คงไม่ได้พูดออกมาจากสามัญสำนึกที่มีมากพอเท่านั้นเอง
เพราะสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยเปล่ากลางท้องทุ่งพระสุเมรุคือซากปรักหักพังของชุมชนมหานครเท่านั้น
เท่านั้นตั้งแต่ชนชั้นปกครองเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันเสียทั้งหมด


คนจรจัดคนเร่ร่อนได้จับจองอาศัยพื้นที่นี้มาเป็นเวลาช้านาน ยังไม่รวมไปถึงผู้ขายบริการในแขนงต่างๆทั้งในรูปปัจเจกและองค์กร

นี่ต่างหากคือความแหลกเหลวของท้องสนามหลวง ที่ขาดการเอาใจใส่จากภาครัฐ

นี่ต่างหากคิความดัดจริตที่จะเป็นอารยะบนความเสื่อมโทรมของยุคสมัย


พื้นที่นี้สามัญชนควรจะเข้าไปใช้แผ่นดินได้โดยสุจริต หากไม่ขัดกับหลักฎหมายใดใด


หรือหากการจัดงานที่นอกเหนือจากงานศพจะทำให้กระทบกระเทือนจินตาการแห่งสรวงสวรรค์
ผมว่าเทวดาก็ใจแคบเหลือเกินที่จะให้เราร้องไห้กันกลางท้องทุ่งเพียงอย่าง