วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

๏ ท้องสนามหลวง ๚ะ๛

...


๏ กลางพื้นที่ทับซ้อนอันอ่อนไหว
มหานครเป็นไทยถูกทับถม
ข้างบนเขาเคืองขุ่นทุนนิยม
ที่ทำให้คนไม่บรมบำรุงเมือง


๏ พึ่งพาดผ่านความเศร้าของเจ้าทุกข์
ริฉลองความสุข,เลี้ยงไม่เชื่อง !
พอเพียงถูกติฉินว่าสิ้นเปลือง
ความชอกช้ำชำเลืองอยู่ลิบลิบ


๏ แผ่นดินนี้มีเจ้าของสองฝั่งฟ้า
อัตภาพแค่ปากว่า-ตาขยิบ
ศูนย์รวมความวุ่นวายทั้งหลายชิบ-
หายไปเสียงซุบซิบหลังแซ่ซ้อง


๏ กลางพื้นที่ทับซ้อนอันอ่อนด้อย
เมืองถูกเขาเลี้ยงต้อยความถูกต้อง
ท้องทุ่งความสับปลับโดนจับจอง
ถึงเมรุความปรองดอง,เถ้าธุลี


๏ แหละนครความสับเพร่าเข้าหลักแปด-
สาแหรกมันเลยแผดสู่เมืองผี
อย่าริถามหาความหมายทุกอ้าย-อี
สนามหลวงมิได้มีให้ไพร่พร้อง


๏ เมื่อเมืองมันดัดจารีตถึงขีดสุด
มหานครเมืองมนุษย์สังขารล่อง
อย่าแอบอ้างสามัญชนทำขนพอง
เขาเอาไว้ก่ายกองญาติโก ฯ

_____________________

วฒน 6 ก.ค.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=815167


ผมไม่เห็นว่าการจัดงานวันคล้ายวันเกิดที่ท้องสนามหลวงจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตสักนิด
คนที่ออกมาคัดค้านโดยดัดจริตนี่คงไม่ได้พูดออกมาจากสามัญสำนึกที่มีมากพอเท่านั้นเอง
เพราะสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยเปล่ากลางท้องทุ่งพระสุเมรุคือซากปรักหักพังของชุมชนมหานครเท่านั้น
เท่านั้นตั้งแต่ชนชั้นปกครองเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันเสียทั้งหมด


คนจรจัดคนเร่ร่อนได้จับจองอาศัยพื้นที่นี้มาเป็นเวลาช้านาน ยังไม่รวมไปถึงผู้ขายบริการในแขนงต่างๆทั้งในรูปปัจเจกและองค์กร

นี่ต่างหากคือความแหลกเหลวของท้องสนามหลวง ที่ขาดการเอาใจใส่จากภาครัฐ

นี่ต่างหากคิความดัดจริตที่จะเป็นอารยะบนความเสื่อมโทรมของยุคสมัย


พื้นที่นี้สามัญชนควรจะเข้าไปใช้แผ่นดินได้โดยสุจริต หากไม่ขัดกับหลักฎหมายใดใด


หรือหากการจัดงานที่นอกเหนือจากงานศพจะทำให้กระทบกระเทือนจินตาการแห่งสรวงสวรรค์
ผมว่าเทวดาก็ใจแคบเหลือเกินที่จะให้เราร้องไห้กันกลางท้องทุ่งเพียงอย่าง

ไม่มีความคิดเห็น: