วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

๏ จาก ๒๕๕๒ - ๒๕๙๐ ๚ะ๛

...
๏ บนเบื้องบาทวิถีที่เศร้าโศก
กี่บทเพลงกล่อมโลกจะเอนไหว
ยุติธรรมเคลือบเขลาหยอกเย้าไกว
ใช่ปรากฏเกลื่อนในสำนึกนั้น

๏ ทัพแห่งประชาชนพ่ายหายนะ
ย่ามใดถือสัจจะอันขบขัน
ยิ่งโกหกย้ำย้ำซ้ำทุกวัน
ยุคสมัยสมานฉันท์จากสัญจร

๏ ปกครองรัฐประจบประแจง,คนแช่งชัก
มหานครผู้เคยรักเร้นหลบซ่อน
ข้อเรียกร้องจากต้นกล้าประชากร
เหลือเพียงเสียงเห่าหอนจากหัวใจ

๏ หลังเบื้องบาทวิถีที่เศร้าสร้อย
คงไว้เพียงร่องรอยเขาใส่ใคล้
จิตวิญญาณไหว้เซ่นความเป็นไป
หลังฝุ่นควันเรืองไร,มีไฟร้อน

๏ โลกสะอื้นทรงจำอย่างย้ำชัด
ปัจจุบันวิบัติกว่ากาลก่อน
ไม่พอหรอกเสียงเพ้อพร่ำคำอวยพร
มันไม่สบสะท้อนทุกโสตทัศน์ ๚ะ๛
_________________
วฒน 23 เม.ย.52

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=798388

หากการปักธงชาติหน้าบ้านช่วยเยียวยาประเทศได้ก็คงไม่มีสงครามใดใดเกิดขึ้นในโลก

และหากความคิดไหลผ่านสมองได้มากสุดเท่านี้ ...
ก็ว่าอย่ามีมันเลยครับสถาบันพระปกเกล้
าเมื่อย่ามใจจะยอยศให้กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด
โดยขาดสติ และเหตุผลผิดชอบชั่วดีรองรับ
มันก็รังแต่จะเสื่อมโทรมทางความนึกคิด

จะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าความรู้สึกไร้ค่าลงทุกขณะที่มีชีวิตอยู่และต้องทนไร้ค่าไปอีกนานกว่าจะถึงเวลาตายที่ปรารถนา

หมายเหตุ ...ทุกครั้งที่ออกมาพูดอะไร อ.บวรศักดิ์ทำให้ความเป็นนักกฎหมายของตนเอง และคนรอบข้างลดน้อยด้อยศักดิ์ศรีลงไปทุกครั้ง

และไม่ทราบกว่าความเป็นมือกฎหมายของอาจารย์ จะไขว่คว้าตำแหน่งจากเผด็จการได้อีกสักกี่ครั้งนับจากนี้.

และหากจะมีการบวชเรียนอีกครั้ง ช่วยเจียดเวลาคิดและสงสารพุทธศาสนาสักนิดด้วยเถอะครับ

สวัสดีครับมิตรสหายลายพาดกลอนทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น: