วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ ประชาไท ๚ะ๛
๏ กี่บทเพลงผ้านแล้วก็แผ่วล้า
หลากวีรชนคนกล้าหลายห่าฝน
ฤดูกาลรับรู้ของผู้คน
คงรอยเท้าสับสนของคนช้ำ
๏ ประเดี๋ยวเกิดอุบาทว์อุบัติประวัติศาสตร์
ผู้ลุแก่อำนาจบังอาจย่ำ
ก้าวข้ามหัวปวงประชาชะตากรรม
แบกปืนปล้นล้มคว่ำรัฐธรรมนูญ
๏ จากวันนั้นยังเวียนวนจนวันนี้
เมืองไม่มีเข็ดหลาบหรือสาบสูญ
สภาวการณ์หุ่นเชิดเขาเทิดทูน
ประโยชน์ปูนบำเหน็จกันเจ็ดชั้น
๏ แล้วเราอยู่ไหนกันเล่า,เจ้าของประเทศ
หรือไม่เห็นความทุเรศพิลึกลั่น
ปล่อยกี่ศพต่อกี่ศพตายจบกัน
ผู้สูญหายนับพันอยู่บนพาน
๏ เมื่อไร้ความเสมอภาคถึงรากหญ้า
ยังถามหาเพรียกพร้อมทุกหย่อมย่าน
สมานฉันท์สมัยฉันโดยสันดาน
มหานครเปลี่ยนผ่านบางชั้นชน
๏ บางเสียงดังบางเสียงดับบ้างคับฟ้า
วิ่งเซ่นไหว่ศาสดาโกลาหล
ความชอบธรรมใช้กล่าวอ้างเพียงบางคน
ปล่อยให้ความชอบกลเป็นผลกรรม
๏ ยิ่งโลกไร้ยางอายลุปลายสมัย
การก้าวล่วงความเป็นใหญ่ยิ่งย้อนย้ำ
กฎหมายความผิด-ถูก,ถูกกระทำ
จับความคิดความทรงจำกักขังคุก ๚ะ๛
________________
ส่งกำลังใจให้ทุกสิทธิเสรีภาพครับ
วฒน
26 มิย 52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=812100
วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ ตระเตรียมผ้าเช็ดหน้าน้ำตาพร้อม ๚ะ๛
๏ เตรียมผ้าเช็ดหน้าร้องไห้ตั้งหลายผืน
ต้องเก็บก้อนสะอื้นนั้นคืนกลับ
วันนี้ความปรารถนาไม่ลาลับ
แถมยังสุขสำทับกับสุขซ้อน
๏ สะท้านเมืองด้วยโศลกโศกสลด
ยุคสมัยมิปรากฏยิ่งหลอกหลอน
จินตนาการแจ้งชัดถูกตัดตอน
นอนน้ำตาเปียกหมอนกันค่อนคืน
๏ เจ้าหัวใจเปราะบางก็อย่างนี้
รู้ผิดชอบชั่วดีจนดึกดื่น
ดาวตกพาดผ่านเพียงวานซืน
ก็เตรียมซับความขมขื่นของยุคสมัย
๏ หลับเสียเถิดดอกราตรีนาทีนั้น
เพลงกล่อมเมืองนิจนิรันดร์มันไม่ใช่
กี่ครั้งหวังงามง่ายคงง่ายไป
ไม่มีหรอกความนัยใดซ่อนเร้น
๏ พับผ้าเช็ดหน้าหลากลายหลายผืนเก็บ
ปลุกปลอบใจจำเจ็บจากโลดเต้น
ต่อระลอกความสุข,ทุกข์ทั้งเป็น
ก่อนตื่นรับความเยือกเย็นของกลียุค ๚ะ๛
________________
ถ้าใจจะหวั่นไหวกันไปบ้าง ก็จงโทษโครงสร้างที่ไม่แข็งแรง
สวัสดีครับ ...
วฒน
24 มิย 2552
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=811609
วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ เมื่อความสับปลับถูกสับราง ๚ะ๛
๏ อ้างความอดทนถึงที่สุด
แล้วก็ประกาศหยุดกันยกโขยง
พฤติกรรมบังเกิดการเปิดโปง
ทุกรางสายเชื่อมโยงเชื่อมชีวิต
๏ " กราบเรียนทุกทุกท่านจงโปรดทราบ
วันนี้สหภาพรู้ถูก-ผิด
ร่องรอยการกระทำแหละย้ำคิด
ด้วยมโนสุจริตนี้เท่านั้น "
๏ เท่าที่มาขาดทุนจนป่นปี้
เที่ยวโทษนั่นโทษนี่เที่ยวโทษนั่น
สภาวะเรือนกระจกตกตามกัน
ไร้ซึ่งความผกผันผลิตผล
๏ แค่กลัวช่องทางผูกขาดการบาดหมาง
รีบไล่งับสับรางความฉ้อฉล
สัมปทานผูกขาดชาติวิกล
วิสัยทัศน์วกวนวิธีการ
๏ แหละนี่แหละสาธารณูปโภค
ที่ตั้งตนอุปโลกน์จองล้างผลาญ
เข้าปกป้องความเฮงซวยของหน่วยงาน
สมรรถภาพหย่อนยานไม่ยอมรับ
๏ ถึงวันนี้ประชาชนผู้ทนทุกข์
ต้องรับผิดชอบความสุขเขาโขกสับ
มหานครถ่ายผ่องลงกองทรัพย์
ไม่แปรรูปก็ให้ยับลงกับยุค !
____________
สวัสดีครับ
วฒน
22 มิย 2552
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=811065
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ ไฟใต้ ๚ะ๛
๏ เกลื่อนร่างเกลื่อนกองเลือด
ที่แห้งเหือดทั่วหัวระแหง
แผ่นดินทาบสีแดง
ทาโถมทับนับไม่ทัน
๏ กี่หลุมก็เลือนราง
กลบฝังร่างเรียงรายกัน
ผู้คนนับร้อยพัน
พร้อมเผชิญกับโชคมนุษย์
๏ เกณฑ์ชะตาฟ้ากำหนด
ต่อกรอบกฎผู้บริสุทธิ์
กากซากอันโทรมทรุด
กองศพทับทบทวี
๏ นี่คือความคลั่งแค้น
อันข้นแค่นปัตตานี
ตอกย้ำอย่างย่ำยี
ยังหนามยอกสยามหยัน
๏ หลายหลุมฤๅโรยรา
อีกกี่พาร์เป็นเดิมพัน
ท่านผู้นำแห่งกองทัพ
๏ เกลื่อนร่างของแคดดี้
กึ่มดีกรีจะเดือดดับ
กี่หลุมจักรองรับ
แฮนดี้แคปของชีวิต ๚ะ๛
.........................................
วฒน
16 มิย52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=809570
______________
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตประชาชนถูกเดิมพันจากไลน์หญ้าหลุม ๑๔ พาร์ ๓
ที่ท่านผู้นำห่วงว่าจะหลุดออกโบกี้ โดยไม่กลัวหลุดออกจากตำแหน่ง
โง่มาตั้งครึ่งชีวิต ผมพึ่งฉลาดเอาตอนที่รู้ว่าปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้
แก้ได้ด้วยบอลลูนนี่แหละครับ
๏ อารมณ์อันร่านทุรน ๚ะ
๏ เกินสามัญมนุษย์อันสุดกู่
การสะกดจิตหมู่ก็หลอกหลอน
ประกายก่อปรัชญามหานคร
ไม่เคยรอดสันดอนเลยสักครั้ง
๏ วันนี้ยังเวียนวนเหมือนคนบ้า
อุตริอัตตาอวดโอหัง
อารมณ์ร่วมกำหนัดญัตติพัง
สร้างสังคมสังคังอันเส็งเคร็ง
๏ เจ้านกน้อยในไร่ที่ไร้ส้ม
ร่วมหัวปล้นสะดมอย่างอวดเก่ง
จรรยาบรรณหะหาข้าแลเอ็ง
รายได้ดอกเบี้ยเบ่งบานคับแบ้งค์
๏ กระนั้นแมลงวันไม่ตอมแมลงวัน
โลกเหม็นกันและกัน,หวานคนแร้ง
ร่างหมาเน่าลอยน้ำไหลตามแรง
ปลาใต้น้ำตอดแย่งอยู่ใต้น้ำ
๏ จารจดถึงผู้เสพ,จงสันโดษ
อย่าได้โอยอย่าได้โอดสารระส่ำ
ปลาใหญ่ยังมั่นคงในกงกรรม
ปลาเล็กรีบว่ายจ้ำตามกรรมเกณฑ์
๏ รางวัลจากสมาคมผู้สื่อข่าว
วัฏจักรด้วยตาเปล่ามองไม่เห็น
บาทดอลลาร์ปอนด์เซ็นต์เพนนีเยน
อุดมด้วยกรรมเวรตลอดการณ์
๏ กระนั้นแมลงวันก็ไม่ตอมแมลงวัน
มหานครตกมันมาตรฐาน
จรรยาบรรณตูมเต่งและเบ่งบาน
พฤติกรรมแตกพานเต็มจานพูน ๚ะ๛
_____________________
ประวัติศาสตร์ของประเทศจงเลือกวันหยุดสามัญประจำปีให้กับประชาชนเพื่อเข้าสักการะแพนด้าอย่างพร้อมเพรียง
อารมณ์ติดสัตว์ก่อขึ้นด้วยเหตุผลใดใดก็แล้วแต่ ...
เมืองก็ไม่น่าที่จะร่านทุรนขนาดนี้
เราต้องไม่ลืมวันตาสว่างแห่งชาติ เราต้องตั้งตารอและคอยภาพยนตร์แห่งชาติที่สร้างโดยตั้ว ศรัณยู ... ฯลฯ
กระนั้นวันนี้เรามีภาพข่าวแห่งชาติ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันละเมียด โดยมีนายกวีไกรแสดงนำ
หรือเพราะสังคมเราถูกหล่อหลอมไปด้วยสภาวะศรัทธาอันแรงกล้าจากมโนคติ
ที่เติมแต่งกันมาอย่างแหลกละเอียดตั้งแต่ฝรั่งยังเป็นเมืองขึ้นแห่งสยาม
นี่คือการตบรางวัลให้กับสังคมชิ้นใหญ่ สื่อกลายเป็นมือที่มองเห็น สื่อกลายเป็นมือที่ถูกหยิบยืม
ใครไม่เจ็บก็เรื่องของใคร ?
และไม่ว่าใครค้นพบเราหรือไม่ก็ตามแต่ เราไม่เคยค้นพบตัวเราเองเลย ..
เมืองที่เต็มไปด้วยกระแสที่ยากฟันฝ่า
เมืองที่ปีหนึ่งเป็นวันสำคัญ ถัดมาอีกเพียงปีเดียวเป็นวันธรรมดา
แล้วเอาอุปกรณ์การเฉลิมฉลองไปซุกไว้ซอกหลืบไหน ?
ด้วยปากกาประวัติศาสตร์ที่กำที่ถืออยู่เพียงฝ่ายเดียว
อุตริจะเขียนอะไรก็เขียนเอา
ไม่อยากจะคิดว่ายางลบประวัติศาสตร์
กับไม้บรรทัดประวัติสาสตร์จะมีประโยชน์อันใดบนโลกใบนี้
เมื่อหลุดออกจากเส้นรุ้งเส้นแวงที่พาดผ่านประเทศ ประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนหน้าทันที
กระนั้น ถึงจะรังเกียจเยี่ยงไร ...
ผมก็ยังหวังให้วันแพนด้าแห่งชาติเป็นวันหยุดที่เราได้ร่วมรำลึกถึงการยัดเยียความเป็นพ่อเป็นแม่ให้กับลูกมันอย่างฝืนธรรมชาติ
* เขียนด้วยอัตตาที่พลุ่งพล่านเนื่องเพราะชื่อที่ส่งประกวดตกรอบตั้งแต่ไก่โห่
สวัสดีทุกท่านครับ
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ เกลื่อนทุกข์กลางยุคสมัย ๚ะ๛
๏ เมืองถูกปลุกฟื้นตื่นจากขื่นขม
โลกอันร้อนระงมร้องโหยหวน
หัวใจหื่นกระหายอยากอันยั่วยวน
ถูกตีตรวนตรึงติดทฤษฎี
๏ กี่ร่างประชาชนบนกองเลือด
ล้มตายแห้งเหือดเผาถมเถ้าผี
วีรชนโถมถั่งความมั่งมี
เพียงพอเถอะบัดสีผู้มีทรัพย์
๏ กลางสงครามแห่งชาติประกาศชัด
ดินแดนเดือดวิบัติพร้อมแตกดับ
มหยุคค่อยค่อยทยอยยับ
เกลื่อนความแค่นขับคราคับแค้น
๏ มหานครกระหายการห้ำหั่น
ระบอบสู่ระบอบกั้นทั้งแกนแก่น
โหยหางามงดมาทดแทน
ผู้แบ่งแยกดินแดนประดังประดา
๏ เหอะมหากวี ! กระวาดกระหวัด
ฉันทลักษณ์เปลี่ยนผลัดแห่งปรารถนา
ข้ารับใช้รับช่วงปวงประชา
จารึกกาพย์แพนด้ารับใช้สมัย ๚ะ๛
วฒน
12 มิย.2552
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ ณ ความรักบรรลุมิถุนา ๚ะ๛
๏จ่อมจมจินตนาการจนผ่านร้าง
มีมากบ้าง,น้อยบ้างอย่างยุคสมัย
ถนนเคยตลบอบอวลสวนดอกไม้
ประดับประดาเสาไฟกระพริบรับ
๏ คงเพียงความว่างเปล่าใต้เงาโลก
ลืมหมดสิ้นความโศกถูกโขกสับ
เสียงแห่งการไห้ห่มเท่าถมทับ
หลงกักกันความลับในอกร้อน
๏ สวัสดีความเป็นไปไร้สุ้มเสียง
เมืองนี้ไกลปืนเที่ยงกว่าเก่าก่อน
วันวานแดดเปรี้ยงกว่าทั้งนาคร
กลับไม่มีคำอวยพรกลางช่อพฤกษ์
๏ เจ้าเป็นจริงทักทายก่อนบ่ายหน้า
ดื่มด่ำในมิถุนาจนดื่นดึก
ชนแก้วเถอะความช้ำเชิญสำนึก
เก็บไว้เป็นที่ระลึกเมื่อสร่างรัก
๏ เอื้อมมือวางดอกไม้จันทน์หันหลังกลับ
งานศพความสับปลับแห่งกับดัก
จริยธรรมพล่อยพล่อยพลอยพยัก
ยิ่งยินเสียงแช่งชักยิ่งชอกช้ำ ๚ะ๛
______________
ว ฒ น.
9 มิ.ย.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=808056
กับการที่ต้องลืมอะไรสักอย่าง มันยากเกินกว่าหัวใจจะเป็นผู้กำหนดจินตนาการที่เคยเติบโตไปไกลลิบ ก็กลับคืนสู่สำนึกแห่งสามัญ
ความฉาบฉวยที่ไล่คว้าไว้เพื่ออะไรก็ตามแม้สุขก็เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เพียงเพราะทุกข์ที่ถมทับมันสาหัสอยู่นักในเบื้องหลัง
หากโลกไม่ได้ตาบอดเพียงข้างเดียวก็ย่อมเห็นอะไรที่ชัดแจ้งอย่างเต็มสองตาเมืองนี้มันกว้างกว่าที่เคยกว้าง
เมื่อมีแรงกดก็มีแรงต้านเป็นธรรมดาในวันที่ทัศนคติถูกปิดล้อม ใครจะเป็นผู้ฝ่าด่านออกมาปลดปล่อยแด่เมืองที่คนใส่ใจกับการเกิดของแพนด้า มากกว่าการตายของมนุษย์
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ ระบำหมอกใต้ดอกเมฆ ๚ะ๛
๏ ระลอกแล้วระลอกเล่า
ฤดูกาลสูญเปล่าความเศร้าสร้อย
ค่ำคืนคำร้องขอยังรอคอย
คำสัญญาเลื่อนลอยและลาร้าง
๏ ร้อยใจจบทบทวีวจีรัก
ก่อนทักทายรู้จักกลับเหินห่าง
ม่านบังเงาเหงาอย่างเบาบาง
โพ้นฟ้าผู้อำพรางให้ค้างคอน
๏ เถอะเจ้าระบำหมอกใต้ดอกเมฆ
เอาโลกใบวิเวกกลับไปก่อน
คืนปรารถนาในฝันนิรันดร
ฤดีกาลรักย้อนมาหยอกย้ำ
๏ ท่ามกลางอ้างว้างอยู่อย่างนี้
เมืองถูกระบายสีให้เสพส่ำ
จักกี่รักกี่ระลอกใต้หมอกพรำ
จะได้เห็นระบำเมฆเฉกเช่นเดิม ๚ะ๛
_______________
วฒน
5 มิย 52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=807288
วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ จากอำนาจเก่าถึงพรรคการเมืองใหม่ ๚ะ๛
๏ หลังอาหาร,สำลัก"พรรคการเมืองใหม่"
จุดกำเนิดบริสุทธิ์ใสไร้เดียงสา
ผ่องแผ้วความพิสุทธิ์พุทธบูชา
เกิดมาพร้อมปวารณาอุดมการณ์
๏ ของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน
แล้วหน้าไหนออกมาปล้นมาตรฐาน
ปิดตายท่าอากาศยานยึดน่านฟ้า
๏ หัวหน้าพรรคผู้ก่อการร้ายคล้ายเคียงเหมือน
โลกตื่นสัญญาณเตือนแห่งตัณหา
อ้างเอาความอดสูดเป็นหนูลองยา
เปรอะเปื้อนปรารถนาประชาคม
๏ ทั้งเบื้องหลังเบื้องลึกนึกแต่ได้
โลกกลมเลยกลับกลายทั้งไห้ห่ม
มือที่มองไม่เห็นเล่นโสมม
เสวยสุขที่ทุกข์ถมบารมี
๏ นี่แหละภาคประชาชนผู้ค้นหา
สู้กันเถอะยิบตาน่าบัดสี
จากร้อยเก้าสิบสามวันจนวันนี้
เรายังเป็นน้องพี่ร่วมสายพรรค์
๏ ตรรกะจึงบัดซบอย่างครบถ้วน
กลืนน้ำลายที่บ้วนในสวนขวัญ
ทั้งฟ้าดินจ้องมาตาเป็นมัน
เถอะต่อยอดความกระสันต์กันพี่น้อง ๚ะ๛
______________________
ที่สุดแล้วก็ยกระดับจากข้างถนนขึ้นไปอยู่บนทางเท้าหลังน้ำลายทุกก้อนได้ถูกกลืนกินไปด้วยความละเมียดที่ด้านชาไม่รู้ว่าใครกระตุกต่อมกระสันใครก่อน แต่มันก็ผ่านความทะยานอยากไปไกลแล้ว
ผมเชื่อด้วยตัวเองว่า พรรคพลังธรรม๒นี้ก็หนีไม่พ้นระบบนิเวศน์ทางการเมืองเก่าออกจะล้ำหน้าไปกว่าด้วยซ้ำจากที่มือแรงหนุนอันทรงอำนาจลุงจำลองของผมยังคงขายความสะอาดในขณะที่ตัวเองอาบน้ำเพียงวันละ ๕ ขันมองด้วยสายตาไพร่แบบผมตั้งแต่หัวจรดเท้ากี่ครั้งแกก็สกปรก
เป็นความสกปรกทั้งกายและใจ ...
ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
และที่น่าขนลุกขนพองที่สุดคือการประกันการผูกขาดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้แต่เพียงพรรคเดียวไม่แบ่งความจงรักให้ใคร
มันน่าสะพรึงกลัว !
ก็ต้องรอดูแบบเอาใจแช่งครับ
ว่าส่วนแบ่งการตลาดจะทำได้ดีเท่าไหนบนพื้นที่ทับซ้อนจะไขว่คว้าอากาศ
ขณะที่ตีนไม่ติดพื้นได้ก็ให้มันรู้ไปถึง
วันนั้นจะมีวันตาสว่างกว่าก็ไม่ว่าอะไรแล้วครับ
หรือจะเขียวอ๋อย
หรือเขียวแจ๋
ก็ไม่ใช่เรื่องของเราอีกต่อไป
วฒน
3 มิย.52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=806964
วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ ไม่เคยเห็นเช่นฉันก็ทันเห็น ๚ะ๛
๏กลางรัตนโกสินทร์ศก
สมัยฉ่ำชาดกอัยแสนหวาน
เจตน์จำนงทรงจำตามตำนาน
ร่ำพงศาวดารดาริกา
๏บาดแผลกลางประวัติศาสตร์มันบาดร้าว
ไม่ว่าดินดวงดาวหรือดอกหญ้า
ข้อเท็จจริงบันทึกเศร้าเคล้าน้ำตา
ปริ่มปริ่มปทานายถากรรม
๏ไม่เคยเห็นเช่นฉันก็ทันเห็น
เจ็บปวดทุกประเด็นอันเหยียบย่ำ
ใจไม่อาจจับต้องการจองจำ
แค้นในความริยำริย่ำยุค
พริบตาเมืองมลายแหละหายวับ
คนตายตาไม่หลับถูกปรับปลุก
วรรณกรรมเขียนกรอกกันนอกคุก
ประวัติศาสตร์ถูกซุกให้ซึมซับ
หลังสูญสิ้นกลิ่นอายสลายออก
มหานครตามใบบอกก็แตกดับ
ทรงจำจึงทยอยลงย่อยยับ
ทุกขณะกระพริบรับเริ่มมืดพลบ
๏ไม่เคยเห็นเช่นฉันก็ทันเห็น
ซึ่งผู้ตายทั้งเห็น,ผู้เป็นศพ
เขาเหยียบย่างความข้องขัดอย่างบัดซบ
หลังความรักอพยพและอ่อนล้า
๏ฉันปิดหนังสือประวัติศาสตร์ที่บาดลึก
ท่ามกลางความรู้สึกฉาบทาหน้า
อารยะองอาจมันบาดตา
กลิ่นคาวเลือดตันหาคละคลุ้งโชย๚ะ๛
ว ฒ น.
2 มิถุนายน 2552
วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552
๏ หลังดวงจันทร์ลาลับใครจะซับน้ำตา ๚ะ๛
๏ โลกระบัดระบายเพลงพรายภาพ
สังคมศิโรราบในหวาบหวั่น
โชนเอาดวงดาวฉายประกายชั้น
ก่อปราการกักกั้นพันธนา
๏ เนิ่นนานเสี้ยวนาทีแห่งชีวิต
มโน-ราคะจริตประจันหน้า
แหละไม้ใบดอกรวงล้วนลวงตา
เบ่งบานปรารถนาในนาคร
๏ สัมผัสรักกลิ่นอายสายลมกรุ่น
ก่อนทั้งฝ้าทั้งฝุ่นจะหมุนฟ่อน
สะทกบนความเศร้าเงาสะท้อน
ถมทับละเอียดอ่อนด้วยหยาบช้า
๏ ลมระบัดระบายใบไม้ร่วง
พัดสภาวะปวงปรารถนา
กว่าดวงจันทร์จ้าจางจนร้างลา
จักหลบซ่อนน้ำตาให้ใครซับ ๚ะ๛
_______________
ว ฒ น
1 มิ ย 52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=806508
จะด้วยพลาดหรือพลั้งเผลอใดใดก็ตาม
นับเป็นความสูญเสียอิสรภาพความรู้สึกครั้งใหญ่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อหยอกล้อโลก โลกก็หยอกล้อด้วยเป็นธรรมดา
งดงามต่างๆมีขีดจำกัดของมันในความยาก-ง่าย
ความพอดีต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดความไม่พอดี
ผมไม่อาจล่วงรู้จิตใจของใครต่อใครได้
นอกจากอ่านจากการกระทำ การกระทำซึ่งมนุษย์เราก็มีทั้งผิดและถูก
เป็นผิดและถูกที่นับวันจะมากขึ้น
มากขึ้นและมากขึ้นสวนทางกับคำว่าอภัย
ที่เหลือน้อยลงทุกขณะ