วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ ประชาไท ๚ะ๛

...

๏ กี่บทเพลงผ้านแล้วก็แผ่วล้า
หลากวีรชนคนกล้าหลายห่าฝน
ฤดูกาลรับรู้ของผู้คน
คงรอยเท้าสับสนของคนช้ำ



๏ ประเดี๋ยวเกิดอุบาทว์อุบัติประวัติศาสตร์
ผู้ลุแก่อำนาจบังอาจย่ำ
ก้าวข้ามหัวปวงประชาชะตากรรม
แบกปืนปล้นล้มคว่ำรัฐธรรมนูญ



๏ จากวันนั้นยังเวียนวนจนวันนี้
เมืองไม่มีเข็ดหลาบหรือสาบสูญ
สภาวการณ์หุ่นเชิดเขาเทิดทูน
ประโยชน์ปูนบำเหน็จกันเจ็ดชั้น



๏ แล้วเราอยู่ไหนกันเล่า,เจ้าของประเทศ
หรือไม่เห็นความทุเรศพิลึกลั่น
ปล่อยกี่ศพต่อกี่ศพตายจบกัน
ผู้สูญหายนับพันอยู่บนพาน



๏ เมื่อไร้ความเสมอภาคถึงรากหญ้า
ยังถามหาเพรียกพร้อมทุกหย่อมย่าน
สมานฉันท์สมัยฉันโดยสันดาน
มหานครเปลี่ยนผ่านบางชั้นชน



๏ บางเสียงดังบางเสียงดับบ้างคับฟ้า
วิ่งเซ่นไหว่ศาสดาโกลาหล
ความชอบธรรมใช้กล่าวอ้างเพียงบางคน
ปล่อยให้ความชอบกลเป็นผลกรรม



๏ ยิ่งโลกไร้ยางอายลุปลายสมัย
การก้าวล่วงความเป็นใหญ่ยิ่งย้อนย้ำ
กฎหมายความผิด-ถูก,ถูกกระทำ
จับความคิดความทรงจำกักขังคุก ๚ะ๛



________________



ส่งกำลังใจให้ทุกสิทธิเสรีภาพครับ

วฒน
26 มิย 52


http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=812100

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ ตระเตรียมผ้าเช็ดหน้าน้ำตาพร้อม ๚ะ๛

...

๏ เตรียมผ้าเช็ดหน้าร้องไห้ตั้งหลายผืน
ต้องเก็บก้อนสะอื้นนั้นคืนกลับ
วันนี้ความปรารถนาไม่ลาลับ
แถมยังสุขสำทับกับสุขซ้อน


๏ สะท้านเมืองด้วยโศลกโศกสลด
ยุคสมัยมิปรากฏยิ่งหลอกหลอน
จินตนาการแจ้งชัดถูกตัดตอน
นอนน้ำตาเปียกหมอนกันค่อนคืน


๏ เจ้าหัวใจเปราะบางก็อย่างนี้
รู้ผิดชอบชั่วดีจนดึกดื่น
ดาวตกพาดผ่านเพียงวานซืน
ก็เตรียมซับความขมขื่นของยุคสมัย


๏ หลับเสียเถิดดอกราตรีนาทีนั้น
เพลงกล่อมเมืองนิจนิรันดร์มันไม่ใช่
กี่ครั้งหวังงามง่ายคงง่ายไป
ไม่มีหรอกความนัยใดซ่อนเร้น


๏ พับผ้าเช็ดหน้าหลากลายหลายผืนเก็บ
ปลุกปลอบใจจำเจ็บจากโลดเต้น
ต่อระลอกความสุข,ทุกข์ทั้งเป็น
ก่อนตื่นรับความเยือกเย็นของกลียุค ๚ะ๛


________________



ถ้าใจจะหวั่นไหวกันไปบ้าง ก็จงโทษโครงสร้างที่ไม่แข็งแรง
สวัสดีครับ ...

วฒน
24 มิย 2552

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=811609

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ เมื่อความสับปลับถูกสับราง ๚ะ๛

...
๏ อ้างความอดทนถึงที่สุด
แล้วก็ประกาศหยุดกันยกโขยง
พฤติกรรมบังเกิดการเปิดโปง
ทุกรางสายเชื่อมโยงเชื่อมชีวิต


๏ " กราบเรียนทุกทุกท่านจงโปรดทราบ
วันนี้สหภาพรู้ถูก-ผิด
ร่องรอยการกระทำแหละย้ำคิด
ด้วยมโนสุจริตนี้เท่านั้น "

๏ เท่าที่มาขาดทุนจนป่นปี้
เที่ยวโทษนั่นโทษนี่เที่ยวโทษนั่น
สภาวะเรือนกระจกตกตามกัน
ไร้ซึ่งความผกผันผลิตผล


๏ แค่กลัวช่องทางผูกขาดการบาดหมาง
รีบไล่งับสับรางความฉ้อฉล
สัมปทานผูกขาดชาติวิกล
วิสัยทัศน์วกวนวิธีการ


๏ แหละนี่แหละสาธารณูปโภค
ที่ตั้งตนอุปโลกน์จองล้างผลาญ
เข้าปกป้องความเฮงซวยของหน่วยงาน
สมรรถภาพหย่อนยานไม่ยอมรับ


๏ ถึงวันนี้ประชาชนผู้ทนทุกข์
ต้องรับผิดชอบความสุขเขาโขกสับ
มหานครถ่ายผ่องลงกองทรัพย์
ไม่แปรรูปก็ให้ยับลงกับยุค !


____________


สวัสดีครับ
วฒน
22 มิย 2552
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=811065

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ ไฟใต้ ๚ะ๛

...

เกลื่อนร่างเกลื่อนกองเลือด

ที่แห้งเหือดทั่วหัวระแหง

แผ่นดินทาบสีแดง

ทาโถมทับนับไม่ทัน



กี่หลุมก็เลือนราง

กลบฝังร่างเรียงรายกัน

ผู้คนนับร้อยพัน

พร้อมเผชิญกับโชคมนุษย์




เกณฑ์ชะตาฟ้ากำหนด

ต่อกรอบกฎผู้บริสุทธิ์

กากซากอันโทรมทรุด

กองศพทับทบทวี



นี่คือความคลั่งแค้น

อันข้นแค่นปัตตานี

ตอกย้ำอย่างย่ำยี

ยังหนามยอกสยามหยัน



หลายหลุมฤๅโรยรา

อีกกี่พาร์เป็นเดิมพัน

กี่สโตรคจักไล่ทัน

ท่านผู้นำแห่งกองทัพ



เกลื่อนร่างของแคดดี้

กึ่มดีกรีจะเดือดดับ

กี่หลุมจักรองรับ

แฮนดี้แคปของชีวิต ๚ะ๛

.........................................

วฒน

16 มิย52

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=809570



______________




ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตประชาชนถูกเดิมพันจากไลน์หญ้าหลุม ๑๔ พาร์ ๓
ที่ท่านผู้นำห่วงว่าจะหลุดออกโบกี้ โดยไม่กลัวหลุดออกจากตำแหน่ง

โง่มาตั้งครึ่งชีวิต ผมพึ่งฉลาดเอาตอนที่รู้ว่าปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้
แก้ได้ด้วยบอลลูนนี่แหละครับ

๏ อารมณ์อันร่านทุรน ๚ะ

...

๏ เกินสามัญมนุษย์อันสุดกู่

การสะกดจิตหมู่ก็หลอกหลอน

ประกายก่อปรัชญามหานคร

ไม่เคยรอดสันดอนเลยสักครั้ง



๏ วันนี้ยังเวียนวนเหมือนคนบ้า

อุตริอัตตาอวดโอหัง

อารมณ์ร่วมกำหนัดญัตติพัง

สร้างสังคมสังคังอันเส็งเคร็ง



๏ เจ้านกน้อยในไร่ที่ไร้ส้ม

ร่วมหัวปล้นสะดมอย่างอวดเก่ง

จรรยาบรรณหะหาข้าแลเอ็ง

รายได้ดอกเบี้ยเบ่งบานคับแบ้งค์



๏ กระนั้นแมลงวันไม่ตอมแมลงวัน

โลกเหม็นกันและกัน,หวานคนแร้ง

ร่างหมาเน่าลอยน้ำไหลตามแรง

ปลาใต้น้ำตอดแย่งอยู่ใต้น้ำ


๏ จารจดถึงผู้เสพ,จงสันโดษ

อย่าได้โอยอย่าได้โอดสารระส่ำ

ปลาใหญ่ยังมั่นคงในกงกรรม

ปลาเล็กรีบว่ายจ้ำตามกรรมเกณฑ์



๏ รางวัลจากสมาคมผู้สื่อข่าว

วัฏจักรด้วยตาเปล่ามองไม่เห็น

บาทดอลลาร์ปอนด์เซ็นต์เพนนีเยน

อุดมด้วยกรรมเวรตลอดการณ์

๏ กระนั้นแมลงวันก็ไม่ตอมแมลงวัน

มหานครตกมันมาตรฐาน

จรรยาบรรณตูมเต่งและเบ่งบาน

พฤติกรรมแตกพานเต็มจานพูน ๚ะ๛



_____________________



ประวัติศาสตร์ของประเทศจงเลือกวันหยุดสามัญประจำปีให้กับประชาชนเพื่อเข้าสักการะแพนด้าอย่างพร้อมเพรียง

อารมณ์ติดสัตว์ก่อขึ้นด้วยเหตุผลใดใดก็แล้วแต่ ...
เมืองก็ไม่น่าที่จะร่านทุรนขนาดนี้

เราต้องไม่ลืมวันตาสว่างแห่งชาติ เราต้องตั้งตารอและคอยภาพยนตร์แห่งชาติที่สร้างโดยตั้ว ศรัณยู ... ฯลฯ

กระนั้นวันนี้เรามีภาพข่าวแห่งชาติ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันละเมียด โดยมีนายกวีไกรแสดงนำ
หรือเพราะสังคมเราถูกหล่อหลอมไปด้วยสภาวะศรัทธาอันแรงกล้าจากมโนคติ
ที่เติมแต่งกันมาอย่างแหลกละเอียดตั้งแต่ฝรั่งยังเป็นเมืองขึ้นแห่งสยาม
นี่คือการตบรางวัลให้กับสังคมชิ้นใหญ่ สื่อกลายเป็นมือที่มองเห็น สื่อกลายเป็นมือที่ถูกหยิบยืม
ใครไม่เจ็บก็เรื่องของใคร ?

และไม่ว่าใครค้นพบเราหรือไม่ก็ตามแต่ เราไม่เคยค้นพบตัวเราเองเลย ..
เมืองที่เต็มไปด้วยกระแสที่ยากฟันฝ่า

เมืองที่ปีหนึ่งเป็นวันสำคัญ ถัดมาอีกเพียงปีเดียวเป็นวันธรรมดา
แล้วเอาอุปกรณ์การเฉลิมฉลองไปซุกไว้ซอกหลืบไหน ?

ด้วยปากกาประวัติศาสตร์ที่กำที่ถืออยู่เพียงฝ่ายเดียว
อุตริจะเขียนอะไรก็เขียนเอา

ไม่อยากจะคิดว่ายางลบประวัติศาสตร์
กับไม้บรรทัดประวัติสาสตร์จะมีประโยชน์อันใดบนโลกใบนี้
เมื่อหลุดออกจากเส้นรุ้งเส้นแวงที่พาดผ่านประเทศ ประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนหน้าทันที


กระนั้น ถึงจะรังเกียจเยี่ยงไร ...
ผมก็ยังหวังให้วันแพนด้าแห่งชาติเป็นวันหยุดที่เราได้ร่วมรำลึกถึงการยัดเยียความเป็นพ่อเป็นแม่ให้กับลูกมันอย่างฝืนธรรมชาติ

* เขียนด้วยอัตตาที่พลุ่งพล่านเนื่องเพราะชื่อที่ส่งประกวดตกรอบตั้งแต่ไก่โห่


สวัสดีทุกท่านครับ

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ เกลื่อนทุกข์กลางยุคสมัย ๚ะ๛

...

 

๏ เมืองถูกปลุกฟื้นตื่นจากขื่นขม

โลกอันร้อนระงมร้องโหยหวน

หัวใจหื่นกระหายอยากอันยั่วยวน

ถูกตีตรวนตรึงติดทฤษฎี



๏ กี่ร่างประชาชนบนกองเลือด

ล้มตายแห้งเหือดเผาถมเถ้าผี

วีรชนโถมถั่งความมั่งมี

เพียงพอเถอะบัดสีผู้มีทรัพย์



๏ กลางสงครามแห่งชาติประกาศชัด

ดินแดนเดือดวิบัติพร้อมแตกดับ

มหยุคค่อยค่อยทยอยยับ

เกลื่อนความแค่นขับคราคับแค้น



๏ มหานครกระหายการห้ำหั่น

ระบอบสู่ระบอบกั้นทั้งแกนแก่น

โหยหางามงดมาทดแทน

ผู้แบ่งแยกดินแดนประดังประดา



๏ เหอะมหากวี ! กระวาดกระหวัด

ฉันทลักษณ์เปลี่ยนผลัดแห่งปรารถนา

ข้ารับใช้รับช่วงปวงประชา

จารึกกาพย์แพนด้ารับใช้สมัย ๚ะ๛


วฒน

12 มิย.2552

 http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=808640

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ ณ ความรักบรรลุมิถุนา ๚ะ๛

...


๏จ่อมจมจินตนาการจนผ่านร้าง
มีมากบ้าง,น้อยบ้างอย่างยุคสมัย
ถนนเคยตลบอบอวลสวนดอกไม้
ประดับประดาเสาไฟกระพริบรับ


๏ คงเพียงความว่างเปล่าใต้เงาโลก
ลืมหมดสิ้นความโศกถูกโขกสับ
เสียงแห่งการไห้ห่มเท่าถมทับ
หลงกักกันความลับในอกร้อน


๏ สวัสดีความเป็นไปไร้สุ้มเสียง
เมืองนี้ไกลปืนเที่ยงกว่าเก่าก่อน
วันวานแดดเปรี้ยงกว่าทั้งนาคร
กลับไม่มีคำอวยพรกลางช่อพฤกษ์


๏ เจ้าเป็นจริงทักทายก่อนบ่ายหน้า
ดื่มด่ำในมิถุนาจนดื่นดึก
ชนแก้วเถอะความช้ำเชิญสำนึก
เก็บไว้เป็นที่ระลึกเมื่อสร่างรัก


๏ เอื้อมมือวางดอกไม้จันทน์หันหลังกลับ
งานศพความสับปลับแห่งกับดัก
จริยธรรมพล่อยพล่อยพลอยพยัก
ยิ่งยินเสียงแช่งชักยิ่งชอกช้ำ ๚ะ๛
______________

 

ว ฒ น.
9 มิ.ย.52

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=808056


กับการที่ต้องลืมอะไรสักอย่าง มันยากเกินกว่าหัวใจจะเป็นผู้กำหนดจินตนาการที่เคยเติบโตไปไกลลิบ ก็กลับคืนสู่สำนึกแห่งสามัญ

ความฉาบฉวยที่ไล่คว้าไว้เพื่ออะไรก็ตามแม้สุขก็เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เพียงเพราะทุกข์ที่ถมทับมันสาหัสอยู่นักในเบื้องหลัง

หากโลกไม่ได้ตาบอดเพียงข้างเดียวก็ย่อมเห็นอะไรที่ชัดแจ้งอย่างเต็มสองตาเมืองนี้มันกว้างกว่าที่เคยกว้าง

เมื่อมีแรงกดก็มีแรงต้านเป็นธรรมดาในวันที่ทัศนคติถูกปิดล้อม ใครจะเป็นผู้ฝ่าด่านออกมาปลดปล่อยแด่เมืองที่คนใส่ใจกับการเกิดของแพนด้า มากกว่าการตายของมนุษย์

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ ระบำหมอกใต้ดอกเมฆ ๚ะ๛

...


๏ ระลอกแล้วระลอกเล่า

ฤดูกาลสูญเปล่าความเศร้าสร้อย

ค่ำคืนคำร้องขอยังรอคอย

คำสัญญาเลื่อนลอยและลาร้าง



๏ ร้อยใจจบทบทวีวจีรัก

ก่อนทักทายรู้จักกลับเหินห่าง

ม่านบังเงาเหงาอย่างเบาบาง

โพ้นฟ้าผู้อำพรางให้ค้างคอน



๏ เถอะเจ้าระบำหมอกใต้ดอกเมฆ

เอาโลกใบวิเวกกลับไปก่อน

คืนปรารถนาในฝันนิรันดร

ฤดีกาลรักย้อนมาหยอกย้ำ



๏ ท่ามกลางอ้างว้างอยู่อย่างนี้

เมืองถูกระบายสีให้เสพส่ำ

จักกี่รักกี่ระลอกใต้หมอกพรำ

จะได้เห็นระบำเมฆเฉกเช่นเดิม ๚ะ๛


_______________

วฒน

5 มิย 52

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=807288

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ จากอำนาจเก่าถึงพรรคการเมืองใหม่ ๚ะ๛

...
๏ หลังอาหาร,สำลัก"พรรคการเมืองใหม่"
จุดกำเนิดบริสุทธิ์ใสไร้เดียงสา
ผ่องแผ้วความพิสุทธิ์พุทธบูชา
เกิดมาพร้อมปวารณาอุดมการณ์

๏ ของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน
แล้วหน้าไหนออกมาปล้นมาตรฐาน
ปิดตายท่าอากาศยานยึดน่านฟ้า

๏ หัวหน้าพรรคผู้ก่อการร้ายคล้ายเคียงเหมือน
โลกตื่นสัญญาณเตือนแห่งตัณหา
อ้างเอาความอดสูดเป็นหนูลองยา
เปรอะเปื้อนปรารถนาประชาคม

๏ ทั้งเบื้องหลังเบื้องลึกนึกแต่ได้
โลกกลมเลยกลับกลายทั้งไห้ห่ม
มือที่มองไม่เห็นเล่นโสมม
เสวยสุขที่ทุกข์ถมบารมี

๏ นี่แหละภาคประชาชนผู้ค้นหา
สู้กันเถอะยิบตาน่าบัดสี
จากร้อยเก้าสิบสามวันจนวันนี้
เรายังเป็นน้องพี่ร่วมสายพรรค์

๏ ตรรกะจึงบัดซบอย่างครบถ้วน
กลืนน้ำลายที่บ้วนในสวนขวัญ
ทั้งฟ้าดินจ้องมาตาเป็นมัน
เถอะต่อยอดความกระสันต์กันพี่น้อง ๚ะ๛


______________________

ที่สุดแล้วก็ยกระดับจากข้างถนนขึ้นไปอยู่บนทางเท้าหลังน้ำลายทุกก้อนได้ถูกกลืนกินไปด้วยความละเมียดที่ด้านชาไม่รู้ว่าใครกระตุกต่อมกระสันใครก่อน แต่มันก็ผ่านความทะยานอยากไปไกลแล้ว
ผมเชื่อด้วยตัวเองว่า พรรคพลังธรรม๒นี้ก็หนีไม่พ้นระบบนิเวศน์ทางการเมืองเก่าออกจะล้ำหน้าไปกว่าด้วยซ้ำจากที่มือแรงหนุนอันทรงอำนาจลุงจำลองของผมยังคงขายความสะอาดในขณะที่ตัวเองอาบน้ำเพียงวันละ ๕ ขันมองด้วยสายตาไพร่แบบผมตั้งแต่หัวจรดเท้ากี่ครั้งแกก็สกปรก

เป็นความสกปรกทั้งกายและใจ ...
ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
และที่น่าขนลุกขนพองที่สุดคือการประกันการผูกขาดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้แต่เพียงพรรคเดียวไม่แบ่งความจงรักให้ใคร
มันน่าสะพรึงกลัว !

ก็ต้องรอดูแบบเอาใจแช่งครับ
ว่าส่วนแบ่งการตลาดจะทำได้ดีเท่าไหนบนพื้นที่ทับซ้อนจะไขว่คว้าอากาศ
ขณะที่ตีนไม่ติดพื้นได้ก็ให้มันรู้ไปถึง
วันนั้นจะมีวันตาสว่างกว่าก็ไม่ว่าอะไรแล้วครับ
หรือจะเขียวอ๋อย
หรือเขียวแจ๋
ก็ไม่ใช่เรื่องของเราอีกต่อไป

วฒน
3 มิย.52

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=806964

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ ไม่เคยเห็นเช่นฉันก็ทันเห็น ๚ะ๛

...

กลางรัตนโกสินทร์ศก
สมัยฉ่ำชาดกอัยแสนหวาน
เจตน์จำนงทรงจำตามตำนาน
ร่ำพงศาวดารดาริกา

บาดแผลกลางประวัติศาสตร์มันบาดร้าว
ไม่ว่าดินดวงดาวหรือดอกหญ้า
ข้อเท็จจริงบันทึกเศร้าเคล้าน้ำตา
ปริ่มปริ่มปทานายถากรรม

ไม่เคยเห็นเช่นฉันก็ทันเห็น
เจ็บปวดทุกประเด็นอันเหยียบย่ำ
ใจไม่อาจจับต้องการจองจำ
แค้นในความริยำริย่ำยุค

พริบตาเมืองมลายแหละหายวับ
คนตายตาไม่หลับถูกปรับปลุก
วรรณกรรมเขียนกรอกกันนอกคุก
ประวัติศาสตร์ถูกซุกให้ซึมซับ

หลังสูญสิ้นกลิ่นอายสลายออก
มหานครตามใบบอกก็แตกดับ
ทรงจำจึงทยอยลงย่อยยับ
ทุกขณะกระพริบรับเริ่มมืดพลบ

ไม่เคยเห็นเช่นฉันก็ทันเห็น
ซึ่งผู้ตายทั้งเห็น,ผู้เป็นศพ
เขาเหยียบย่างความข้องขัดอย่างบัดซบ
หลังความรักอพยพและอ่อนล้า

ฉันปิดหนังสือประวัติศาสตร์ที่บาดลึก
ท่ามกลางความรู้สึกฉาบทาหน้า
อารยะองอาจมันบาดตา
กลิ่นคาวเลือดตันหาคละคลุ้งโชย๚ะ๛


ว ฒ น.
2
มิถุนายน 2552

2 มิถุนายน 2552


วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552

๏ หลังดวงจันทร์ลาลับใครจะซับน้ำตา ๚ะ๛

...

  โลกระบัดระบายเพลงพรายภาพ

สังคมศิโรราบในหวาบหวั่น

โชนเอาดวงดาวฉายประกายชั้น

ก่อปราการกักกั้นพันธนา



เนิ่นนานเสี้ยวนาทีแห่งชีวิต

มโน-ราคะจริตประจันหน้า

แหละไม้ใบดอกรวงล้วนลวงตา

เบ่งบานปรารถนาในนาคร



สัมผัสรักกลิ่นอายสายลมกรุ่น

ก่อนทั้งฝ้าทั้งฝุ่นจะหมุนฟ่อน

สะทกบนความเศร้าเงาสะท้อน

ถมทับละเอียดอ่อนด้วยหยาบช้า



ลมระบัดระบายใบไม้ร่วง

พัดสภาวะปวงปรารถนา

กว่าดวงจันทร์จ้าจางจนร้างลา

จักหลบซ่อนน้ำตาให้ใครซับ ๚ะ๛






_______________

         ว ฒ น

        1     มิ ย 52

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=806508

 




จะด้วยพลาดหรือพลั้งเผลอใดใดก็ตาม
นับเป็นความสูญเสียอิสรภาพความรู้สึกครั้งใหญ่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อหยอกล้อโลก โลกก็หยอกล้อด้วยเป็นธรรมดา

งดงามต่างๆมีขีดจำกัดของมันในความยาก-ง่าย
ความพอดีต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดความไม่พอดี

ผมไม่อาจล่วงรู้จิตใจของใครต่อใครได้
นอกจากอ่านจากการกระทำ การกระทำซึ่งมนุษย์เราก็มีทั้งผิดและถูก

เป็นผิดและถูกที่นับวันจะมากขึ้น
มากขึ้นและมากขึ้นสวนทางกับคำว่าอภัย
ที่เหลือน้อยลงทุกขณะ