วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กรรมใดที่ข้ากระทำดขอใช้กรรมนั้น..นิรันดร....


...
ขุนเขาบอก :


นอนแน่นิ่ง   พิงร่างนอน   อ่อนแรงแล้ว
พ่อแม่แก้ว   ลูกเหนื่อยแล้ว   อยากหลับใหล
ทนฝืนร่าง   สร้างภาพลวง   ผูกบ่วงไท
หลายสมัย   ฤดูกาล   นานเหลือเกิน

ห่วงทรัพย์สิน   เงินทอง   กองท่วมฟ้า
จากผืนบ่า   ประชาชน  มากล้นเหลือ
ห่วงลูกหลาน   วานวงศ์   ทั้งพงศ์เครือ
ทรัพย์ที่เหลือ   จักถูกแย่ง   แบ่งแผ่นดิน

เงาในตา   พร่าเลือน   เหมือนภาพฝัน
คำจำนรรจ์   ที่เลือนราง   ข้างๆหู
เหมือนเสียงเพรียก   จากนายบาป   สาปแช่งกู
วสันต์ฤดู    อยู่ไม่ถึง   ต้องพึ่งเมรุ

โอ้เดือนดาว   หนาวสะท้าน    ผ่านหมอกฝน
ชีวิตคน    ยามตกตาย    กายเน่าเหม็น
หลังชีพวาย    ก่อนกายไหม้    ใส่โลงเย็น
ตั้งไว้เป็น    อุทาหรณ์   สอนผู้คน

ร่างในโลง    ที่คงนอน   สอนให้รู้
ยามชีพอยู่    กูนี้หนอ   ชอบฉ้อฉล
ชอบเข่นฆ่า    พร่าชีวี   ย่ำยีคน
หนีไม่พ้น   โดนตราบาป   สาปแช่งชัง

อนิจัง    อนิจจา   ฟ้าของฉัน
เคยอำพัน   อนันต์แสง   แห่งมนต์ขลัง
มาบัดนี้   มีเมฆหนา   มาบดบัง
ผู้คนชัง   บัลลังก์ทอง   มาหมองมัว

แสงสุดท้าย   ก่อนอำลา   มหาเทพ
ร่างหนาวเหน็บ   เจ็บกายา   ตาสลัว
จิตหลุดกาย   คล้ายเฟือนฟั่น   สั่นระรัว
ตาหม่นมัว     ค่อยปิดลง    อัสดงเอย..........


กรรมใดที่ข้ากระทำดขอใช้กรรมนั้น..นิรันดร...

*************
http://www.internetofreedom.com/index.php?/topic/14552-.......




วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทกวีสะท้อนยุคสมัย " ว่าด้วย "ซ้าย"

...
  ของ  เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีสีเหลือง

หนึ่งคือซ้ายดัดจริตไร้เดียงสา
อหังการ์เป็นใหญ่ก็ซ้ายได้
สองคือซ้ายซ่าระเบิดเถิดเทิงไป
ได้บาทใหญ่อย่างไม่ได้เคยเป็น

สามคือซ้ายมาสายเพิ่งได้รู้
การต่อสู้เพื่อคนผู้ทุกข์เข็ญ
สี่คือซ้ายตกขอบชอบคั้นเค้น
ชูประเด็นทฤษฎีบทชี้นำ

ห้าคือซ้ายกลไกแบบไขลาน
เป็นหุ่นยนต์บริการวันยังค่ำ
หกคือซ้ายเจ้าเล่ห์สาริยำ
ทำเพื่อทำประโยชน์ได้แต่ฝ่ายตัว

เจ็ดคือซ้ายสามานย์ก่อการร้าย
จนเป็นซ้ายทรราชอุบาทว์ชั่ว
ทั้งเจ็ดซ้ายเจ็ดอสัตย์กัดกันนัว
ล้วนน่ากลัวเพราะเป็นซ้ายที่ไม่จริง

ผู้รู้ว่าหนุ่มสาวทันสมัย
ไม่เป็นซ้ายก็ไร้ใจเป็นที่ยิ่ง
แต่แก่แล้วยังเป็นซ้ายไม่ประวิง
ก็เป็นสิ่งไร้สมอง...พึงตรองดู !

********

ของ  เพียงคำ ประดับความ

กวีรุ่นใหม่ได้เขียนบทกวี ตอบโต้
งานชิ้นดังกล่าวของเนาวรัตน์ มีเนื้อหาว่า

แม้มาสายเขาว่าซ้ายไร้เดียงสา
ก็รู้ว่าควรหยัดยืนขึ้นตัวตั้ง
ซ้ายเลียตีนศักดินานั้นน่าชัง
ชรากลับคลั่งฝ่ายขวาน่าเศร้าใจ

เมื่อหนุ่มสาว มีหัวใจ ให้คนยาก
รับรู้รส ความลำบาก ไม่หวั่นไหว
เมื่อแก่ตัว ร่ายกวี แล้งน้ำใจ
ศพคนตาย เกลื่อนถนน ไม่ยลยิน

เพลงขลุ่ยผิว เหนือทุ่งข้าว นั้นเศร้านัก
ลืมทุกข์ยาก ชาวนาไร่ ไปหมดสิ้น
กวีใหญ่ อหังการ เขียนแผ่นดิน
แต่บอดใบ้ ไม่ได้ยิน เสียงปืนดัง!!!


.
************


เจ็ดซ้าย โดย ๓ บลา ประชาไท

หนึ่งคือซ้าย สมมุติ สุดอคติ
เหมือนหัดริ ลองเป็นคน จนหวั่นไหว
สองคือซ้าย ใส่ความ หยามกันไป
คิดกันใหญ่ จากปลายลิ้น จินตนาการ....

สามคือซ้าย เชื่องช้า น่าสมเพช
เหมือนพวกเปรต โหยหา น่าสงสาร
สี่คือซ้าย พวกชั่ว มั่วสามานย์
ใช้สันดาน สุดโง่เง่า เต่าล้านปี....

ห้าคือซ้าย เจ้าเล่ห์ พวกเฉไฉ
โน้มน้าวใจ ให้ตระบัด ขัดศักดิ์ศรี
หกคือซ้าย คิดชั่ว ตัวกาลี
อ้างโน่นนี่ รุกไล่ แล้วใส่ความ....

เจ็ดคือซ้าย สามานย์ สันดานเถื่อน
ทำเลอะเลือน มุ่งร้าย หมายเหยียดหยาม
ก่อการร้าย ใครสมมุติ สุดเลวทราม
คือคำถาม ทั้งเจ็ดซ้าย ใครพูดจริง....

อย่าอวดรู้ ดัดจริต คิดแทนเขา
ทั้งหนุ่มสาว แลจุดหมาย ทั้งชายหญิง
คำสับปลับ ย้อนยอก หลอกเหมือนลิง
ยิ่งพูดยิ่ง เห็นทาสแท้ แก่เลอะเลือน....

๓ บลา / ๒๓ มิ.ย.๕๕

********




























วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รู้นะ..ว่าเหนื่อย แต่ก็อยากด่า....

...

แต่ก็ด่าไม่ลง...เปลี่ยนเป็นให้กำลังใจก็แล้วกัน..รักนะ จุ๊บๆๆ




แม้เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า แสนสาหัส
ภัยพิบัติ โหมซ้ำ กระหน่ำใส่
หยาดเหงื่อหลั่ง รินหยด รดกลางใจ
ยิ่งเดินหน้า ก้าวไป ใกล้ชิดชน....

ส่งความหวัง กำลังใจ ให้นายก
แม้วิตก เหนื่อยล้า พาสับสน
จากวันชื่น คืนสุข เป็นทุกข์ทน
วิปโยคหม่น เศร้าหมอง นองน้ำตา....

ขอให้สุข สวัสดี นารีแกร่ง
ให้เรี่ยวแรง ผงาดสู้ คู่ดินฟ้า
ให้กอบกู้ แผ่นดินทอง ผองประชา
ให้ฟันฝ่า ผ่านวิกฤติ พิชิตชัย....

เช็ดน้ำตา ผองชน ผู้หม่นทุกข์
หยิบยื่นสุข ส่องทาง สว่างใส
เพื่อท้องฟ้า งามสีทอง ผ่องอำไพ
เกียรติก้องไกล ให้ประจักษ์ ยิ่งรักเธอ....

๓ บลา / ๑๑ ต.ค.๕๔

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

เป็นอาเพศ เหตุแห่งภัย อันใดหนอ………..

...
ขุนเขาบอก :



น้ำไหลหลาก มามากหลั่ง ดั่งขุนเขา
จากเงื้อมเงา ขุนเขาใหญ่ ในไพรสน
หลั่งเนืองนอง สยองทั่ว ทุกตัวตน
ฟ้าเบื้องบน พิโรธสั่ง ดังสพรึง

พิลึกวัน พิลั่นเหมือน เตือนมนุษย์
ว่าที่สุด ของโลกา จะมาถึง
วาตภัย หวีดไหวหลั่ง ดังอื้ออึง
หินหนังอึ้ง กลิ้งกลึงลั่น สนั่นธาร

สะท้านอก ตระหนกใจ ไม่ไหวแล้ว
พ่อแม่แก้ว ถูกพัดไป ให้สงสาร
หลุดลอยร่าง กลางสายสินธุ์ ถิ่นกันดาร
นฤบาล ท่านไม่ไหว ภัยหนักเกิน

เป็นอาเพศ เหตุแห่งภัย อันไดหนอ
ไม่เหลือหลอ ธงชาติไทย ให้สรรเสริญ
ถูกพัดหาย ปลายยอดเสา ที่เขาเทิน
เศร้าเหลือเกิน น้ำพัดพราก จากเสาไป

เสียงสะท้าน ปานกับว่า ฟ้าถล่ม
น้ำถาโถม เรือนจมหาย ชายไศล
ที่อยู่โยง คงลำบาก จากนี้ไป
ทั่วเมืองไทย ไหลต่อเนื่อง เมืองบาดาล……

จึงต้องหยิบ คำทำนาย ที่หมายมั่น
หรือถึงวัน มิกสัญญี ที่ส่งสาร
หรือจะเป็น ด้วยเบื้องฟ้า พญามาร
ดลบันดาล ให้เภทภัย ยิ่งใหญ่ดัง

จึงถึงวัน หนึ่งนารี ขี่ม้าขาว
ควงคฑา มุ่งสู่ดาว สร้างความหวัง
ผู้ปกครอง จะเป็นหญิง พึงระวัง
สายน้ำหลั่ง ไหลกรากเชี่ยว หวาดเสียวใจ


ศิวิไลซ์ บังเกิดได้ ในสยาม
หลังฝนคร้าม ลั่นครามครืน จะยืนได้
จะเข้าสู่ ยุคมหาชน คนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ ศักราช ชาติประชา


คนชั่วช้า จะถูกปราบ กำหลาบสิ้น
เหลือบแผ่นดิน จักสิ้นไป ไร้ปัญหา
ประเทศชาติ ผ่านวิกฤติ จิตศรัทธา
ยามเมื่อฟ้า สีเหลือทอง ผ่องอำไพ……………
ขอให้เป็นจริงเยี่ยงนี้เถิด


ขุนเขาจากแดนไกล
14 /9 /54
http://www.internetfreedom.us/forum/viewtopic.php?f=2&t=8553&sid=d214436f9dea6a8baf0ce27d03f3e542

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หนาวในฤดูร้อน

...

ประคับประคองความอ่อนไหวไม่ให้หวั่น
หัวใจอันแข็งขันปรารถนา
มือจับกุมสุขโศกทุกโชคชะตา
ร่วมแรงกันฟันฝ่าเป็นหนึ่งเดียว

แหงนหน้ามองท้องฟ้ายังฝ้าฝาด
ความทรงจำเขลาขลาดคงแน่นเหนียว
ดื่มด่ำรสนิยมอันกลมเกลียว
จินตนาการซูบเรียวแหละซ้ำรอย

จากการเดินทางอันแสนเศร้าจนอวสาน
มิติบนทางผ่านอันเหงาหงอย
เมืองแห่งความอับเฉา,ผู้เฝ้าคอย
รักกะปริดกะปรอยลงกว่าเดิม

ทุกสรรพสิ่งร้อน-หนาวในร้าวลึก
สัมผัสแห่งรู้สึกถูกแสร้งเสริม
จิตวิญญาณความบกพร่องต้องแต่งเติม
นับถอยหลังเพื่อจะเริ่มสัมผัสรัก

ประคับประคองความอ่อนไหวไม่ให้หวั่น
มือจับมือทั่วถึงกันทำความรู้จัก
ก้าวหน้ากับงมงายร้องทายทัก
รักได้เรียนรู้รักใช่รู้หลง

ฤดูกาลผ่านล่วงในห้วงลึก
หนาวลมห่มรู้สึกอันสูงส่ง
เช็ดคราบน้ำตาแข็งขืนขึ้นยืนยง
ทิ้งร่างนอนคลุมธงไตรรงค์ทับ .

วฒน;7 เมย 53
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/43151

น้ำยาบ้วนปาก...

...

เบื้องหลังข้อแตกต่างในทางโลกย์
สุขก็สุข,โศกก็โศกตามวิสัย
อบอุ่นบ้าง,อ้างว้างบ้างช่างปะไร
นิตินัย--พฤตินัย,ใครตีความ

ทฤษฎีปรองดองสองมาตรฐาน
แค่ข้อกำหนดมาตรการก็วางกล้าม
ใช้ฝ่าเท้าเขียนกฏ,บอกงดงาม
คนเมืองนี้ตะกรุมตะกรามเสียที่ไหน

จะผู้ใหญ่หรือกำนัน,ขันทีเฒ่า
อำนาจแก่,อำนาจเก่า,อำนาจใหม่
จะสามก๊กจะสี่กั๊กห้าพรรคใด
ก็อย่าได้ลักไก่ประชาชน .... !

เบื้องหลังข้อแตกต่างในทางโลกย์
ราชประสงค์,เขาชะโงก,เจริญผล
สุขุมวิทไปจนสุดพุทธมณฑล
นั่งประชุมกันหัวชนขวดแชมเเปนญ์

จะกี่การเจรจาหาทางออก
พอได้คืบจะเอาศอกแล้วเอาแขน
ข้อเสนอโรดแหมบร่างแบบแพลน
กิริยาแมนไม่แมนไม่ต้องเม้าท์

เฮ้ย!เมืองนี้วิปริตหรือผิดผี
ทั้งบ่าวนายทั้งอ้ายอีทั้งไพร่จ้าว
พอใต้ต้นพิกุลหลวงดอกร่วงกราว
จะบานเย็น,จะบานเช้า---ก็ขอให้บาน..

เฮอะ!


วฒน 5 เมย 53
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/42767

นิทานก่อนนอน จากสยามพลากรถึงราบ๑๑...

...

หลังนิทานขับกล่อมกระหม่อมแก้ว
เป็นบุญปลูกของลูกแล้วพระแม่ขวัญ
หักหาญเจตน์จำนงวงศ์เทวัญ
พิพัฒน์สัตยาบัน--สะบั้นรัก

ไม่มีหรอกดอกสายหยุดโผล่ผุดขึ้น
บานกลางดงควันปืน,การแตกหัก
เสียงเพรียกแห่งความตายมาทายทัก
พร้อมทำความรู้จักสนิทสนม

พระเสื้อเมือง-พระทรงเมืองเปลืองตัวเปล่า
ชักพระมาจับเข่าให้เขาฉม
กลิ่นศักดินาหอมกรุ่น-กลิ่นทุนนิยม
ล่อให้ชายใดดมจึงสมชาย

หลังนิทานขับกล่อมกระหม่อมหนา
ทฤษฎีสองนครา,หน้าผากก่าย
สามตะกร้าปาไม่ถูก---ถูกลูกปราย
ระเบิดเขาตะพายถุงพะเรอ

เมืองนี้มันเมืองแปร,พระแม่ขวัญ
จะนั่งยันนอนยันตอนเมืองมันเผลอ
อย่าได้เทียววู่วามกับสามเกลอ
เสี่ยเขาอือเขาเออกันบ้างไหม ?

หลังใบบอกของบุญปลูกไอ้ลูกแก้ว
ทั้งพ่อคล้าว-แม่แคล้วคงจับไข้
เมื่อดอกสายหยุดผุดกลางสายใจไทย
จะรัฐไทยใหม่,รัฐไทยเพิ่ม---เหิมเกริมฮะ !

___________

วฒน /28 มีค 53
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/41619

หลัง ศอฉ.ได้ผ่านจินตนาการขั้นกว่าออกมาได้สำเร็จเมื่อย่ำค่ำนี้
จากการปะติดปะต่อสามัญสำนึกที่บกพร่องจนเกิดเป็นนิมิต ...

วันนี้ผู้ก่อการร้ายเดินกันเกลื่อนเมือง เช้าไปตลาดบางกะปิก็พบเจอ
สายๆไปแถวมักกะสันก็เห็นมาก บ่ายค่ำแถวรามอินทราก็นั่งจับกลุ่ม ฯลฯ
วันนี้ปรากฎผู้ก่อการร้ายมีคับค่อนประเทศ

หัวคิดแบบซ้ายจัด-ขวาจัด ต้องสรรเสริญความคิดแบบจรจัดของ ศอฉ.
เมืองนี้มันเลือดเข้าตาถึงขนาดนี้แล้วหรือ ?

แต่อย่าได้ถามว่าตาข้างไหนเชียวนะฮะ...