...
๏ บทสุดท้ายคือยึดอำนาจ ?
อารยะอำนาจอันต่อเนื่อง
จุดประสงค์จองหองจักครองเมือง
อาณาจักรรองเรืองเหลืองอำไพ
๏ รอยต่อแห่งจารีต-ประวัติศาสตร์
จารึกรอยอุบาทว์ซ้ำรอยใหม่
ต่อให้ต้องฆ่าเข่น,ให้เป็นไป
มวลหมอกเมฆเคลื่อนไหวในราวฟ้า
๏ เมื่อหัวใจสั่นคลอนถึงที่สุด
สุดทางการยื้อยุดสุดปรารถนา
แผ่นดินทองแผ่นดินธรรม,แผ่นดินธรรมดา
ไม่เท่าที่โพนทะนาสาธยาย
๏ เมื่อความแปลกปกคลุมข้อสงสัย
ทุกคำถามในใจก็คลับคล้าย
กี่ศพกี่ความถูกต้องที่ต้องตาย
ต่อยอดความงมงายให้สาสม
๏ แหละในวังวนอลหม่าน
บทบัญญัติวิกฤติการณ์,การหลอกต้ม
กี่วิถีคนกล้า,กี่ประชาคม
ตายตกทับถมรอบปฐมทัศน์
๏ วินาทีวาทกรรม เฮ้ย จำอวด !
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกรวดที่กร่อนกัด
บรรจุศัพท์ต่อกี่ศัพท์แล้วจับยัด
มหานครนี้ดัดจริตยับ
๏ บทสุดท้ายคือยึดอำนาจ ?
สูตรสำเร็จโลกกะทาสคือหมายจับ
ไม่อยากตายห่าตายโหง,โค้งคำนับ
แหละมีชีวิตรอไล่งับเศษชิ้นเนื้อ !
______________
วฒน
28/มค/52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/17575
ผมนั่งรอและฟังข่าวการทำรัฐประหารในสองสามวันนี้ด้วยความแปลกในรู้สึก
สมองส่วนเซเรเบลลัมของผมไม่ได้ตอบสนองต่อข่าวสารเท่าใดกับการกระทำลักษณะนี้
แต่หัวใจไม่อย่างนั้นสิครับ เส้นแบ่งความผิดชอบชั่วดี
มันอยู่แค่ปลายท้าวก้าว...
แค่ปลายเท้าก้าวเท่านั้น
บทเรียนประวัติศาสตร์สอนให้รู้ทุกยุคสมัยว่า ไม่ว่าสงครามกลางเมืองจะมีขนาดเท่าใด
ที่นอนตายกองริมท้องถนนมันก็คือประชาชนตาแดงแดง
ไม่ใช่แม่ทัพที่ยืนอยู่หลังม้าหลังช้าง
นั่นก็ไม่ใช่สาระใหญ่ของคนที่รนหาที่ตาย
แม้ว่าเป็นการตายสิบ-เกิดแสน ที่ในพจนานุกรมวีรชนถือว่าค้ากำไรเกินควรก็ตาม
คำว่าควร หรือมิควร...
สุดแท้แต่จะตีความเจตนากัน
เจตนาของศักดินา กับเจตนาของไพร่มันก็ต่างกัน
เจตนาของศาล กับเจตนาของผู้ต้องหามันก็ต่างกัน
นี่คือความดัดจริตของลายลักษณ์อักษร
นี่คือความดัดจริตของแผ่นดินที่ยืนเหยียบ
วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น