วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

๏ แดงทั้งแผ่นดิน ๚ะ๛

...

๏ ลุกขึ้นเถิดหนุ่ม-สาวป่าวประกาศ
แบกภาระของชาติปรารถนา
ก้าวข้ามยุคเปลี่ยนผ่านม่านมายา
สังคมศักดินาใจสามานย์

๏ อีกสักกี่กลุ่มทุนผู้ทรยศ
เมืองถึงจักปรากฏมาตรฐาน
เหลวแหลกจากนักคิดจิตวิญญาณ
ยัดเยียดความดักดานใส่กะลา

๏ ลุกขึ้นเถิดประชาชนผู้ทนทุกข์
ใช้สิทธิแสวงหาสุขตามประสา
หัวใจไทยไม่ใช่ทาสอำมาตยา
กะโหลกบาง-กะโหลกหนา,ชะตากรรม

๏ เลือกได้ เลือกไม่ได้ ไม่ได้เลือก
สาระมีแต่เปลือกก็ตกต่ำ
สังคมฟังไม่ได้ศัพท์ระยับระยำ
ชาตินี้ใครชี้นำเห็นตำตา

๏ หลากชีวิตผันผกเกลื่อนตกยุค
ยังเมืองเขาสร้างคุกขังครหา
ปราบทั้งปลดทั้งปลงลงอาญา
สาดอีกกี่กระสุนห่าคร่าเลือดเนื้อ

๏ ไม่เห็นหน้าประวัติศาสตร์ไหนสาดเสีย
เห็นแต่หน้าตัวเมียยิ้มระเรื่อ
จารีตฤๅซ่องสุมความคลุมเครือ
ใครต่อเรือให้โจรประโคนชัย

๏ อยู่บนโลกเปล่าไร้เพราะไม่สู้
ปล่อยให้เขาสมสู่ยุคสมัย
นั่งรอฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ประชาชนก็เป็นไพร่ไปเหมือนเดิม

๏ แล้วอีกกี่นิทรรศการต้องขานรับ
กี่เกิดกี่แตกดับจะได้เริ่ม
เมืองเขากั้นขวากหนามความเหิมเกริม
เลวมาเป็นประเดิมแต่เริ่มแล้ว ๚ะ๛

วฒน 30 มกราคม 2552
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic.php?id=774129


การทำรัฐประหารมันเกาะติดสันดานดิบของทหารไทยมาตั้งแต่ยุคไหนสมัยไหนแล้วทรยศประชาชน ทรยศเจ้านาย ทรยศแผ่นดินเกิดไม่ใช่ไม่เคยมีมา แต่มีมาจนเสียนิสัย ...

นี่ถึงเป็นเหตุแห่งความไม่ทุกข์ร้อนในความเป็นไปของชาติปล้นเขามาหลายครั้ง ปล้นอีกครั้งไม่เห็นจะแปลกอะไรใครๆเขาก็ทำกันปากว่าตาขยิบ แม้จะขยิบได้ข้างเดียวก็เหอะสวัสดีครับทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น: