วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

จากขี้ข้าสู่ไพร่สามัญขน

...

ประเทศไทยใต้เงาเมฆที่เสกสร้าง
แสงสว่างเป็นอย่างไรไม่เคยเห็น
ที่เคยช้ำก็ยิ่งช้ำยิ่งลำเค็ญ
ที่เคยทุกข์ยิ่งทุกข์เข็ญเท่าทวี



ที่เคยเศร้าก็ยิ่งเศร้าเร้ารุมจิต
เคยไร้สิทธิ์ก็ไร้สิทธิ์อยู่อย่างนี้
ที่เคยหวังก็แค่หวังว่าเสรี
จะเกิดมีขึ้นได้ในแผ่นดิน



ที่เคยเจ็บก็ยังเจ็บจนชาด้าน
เวลาผ่านพ้นไปยังไม่สิ้น
ที่เคยปวดแปลบปร่าก็ชาชิน
ยังกัดลิ้นกลืนกินก้อนเลือดตัว



ที่เคยรักจำต้องรักภักดีมั่น
จะเหหันห่างหายกลายเป็นชั่ว
ต้องเทิดทูนอย่างทาสด้วยหวาดกลัว
หมอบแทบเท้าเงาสลัวแห่งความรัก



ที่เคยโกรธต้องกล้ำกลืนฝืนไม่โกรธ
ด้วยเกรงโทษอาญาที่หนาหนัก
ยืนบนความแคลงใจแสร้งใจภักดิ์
ช่างลำบากยากนักในความคิด



ที่เคยเกลียดเคียดขึ้งประหนึ่งว่า
คำติฉินนินทาคือความผิด
เรื่องโป้ปดที่ปลูกฝังทั้งชีวิต
เชื่อสนิทตามสื่อสารเนินนานมา



ที่เคยเกรงก็เริ่มกล้ามาวิพากษ์
เริ่มจากปากต่อปากจากไพร่ฟ้า
กระซิบส่งผ่านสำเนียงเสียงนินทา
จากขี้ข้าสู่ขี้ข้าไพร่สามัญ



ที่เคยกลัวก็เริ่มเกิดไพร่กบฏ
ร้อยเรื่องราวที่เลี้ยวลดพิลึกพิลั่น
หลากเรื่องราวเล่าต่อไปได้ทุกวัน
เสียงกระซิบกลับพลันอึงคะนึง



แม้นคนรักภักดีที่เหลืออยู่
บ้างรับรู้ด้วยจำใจไร้ที่พึ่ง
บ้างยังรักดักดานด้วยดื้อดึง
บ้างคิดถึงครวญคร่ำน้ำตาคลอ



อันวงศ์วานว่านเครือที่เหลืออยู่
ก็เคียงคู่ผลกรรมที่ร่วมก่อ
ที่กอบโกยกันไปไม่เคยพอ
ไพร่จะขอทวงคืนให้ผืนดิน




Unter
4 ตค 52
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=842367

ไม่มีความคิดเห็น: